ผมเป็นนักประดาน้ำให้กลุ่มอาชญากรรม มีบางอย่างผิดปกติกับชุดนักประดาน้ำของเพื่อนผม (ตอนจบ)

 



ถ้าคุณสับสน คุณอาจจะอยากเริ่มอ่านตั้งแต่ต้น

ผมคลานหนีจากก้อนน่าขยะแขยงตรงหน้า

สัญชาตญาณบอกให้ผมวิ่งหนีแต่รู้สึกเหมือนขาหนักขึ้นเป็นร้อยกิโล

“จอห์น!” เฮลีย์ตะโกนเรียกและนั่นดึงผมจากอาการช็อก

เราอยู่บนเรือ น้ำทะเลในแสงจันทร์ทอดตัวยาวหลายไมล์ทุกทิศทุกทาง การกระโดดหนีลงน้ำก็คือการฆ่าตัวตายดีๆ นี่เอง ทางเดียวที่จะหนีจากโทมัสได้คือต้องลงบันไดไปชั้นล่าง แต่เขายืนขวางทางลงอยู่

เฮลีย์ยกมือขึ้นเหมือนจะไล่ไอ้ตัวประหลาดไปให้ไกล

“โทมัส.. ได้โปรด..”

“เฮ…ลีย์..” มันร้องเรียกเสียงแปลกหูผิดมนุษย์ขณะคลานชักกระตุกเข้ามาใกล้

ในเมื่อไม่มีทางหนี ผมร้องลั่นแล้วตัดสินใจกระโดดเข้าใส่โทมัส แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ มันใช้มือบิดเบี้ยวผิดรูปคว้าหน้าผมเอาไว้แล้วดึงเข้าใกล้หน้าของมัน ผมมองเห็นเงามืดของอะไรบางอย่างพลิ้วสะบัดอยู่ข้างในหมวกชุดนักประดาน้ำ บางอย่างที่ครั้งหนึ่งอาจเคยเป็นมนุษย์มาก่อน แต่ตอนนี้ไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อีกต่อไปแล้ว

ผมรู้สึกได้ถึงแรงถึงไหล่อย่างแรงจากข้างหลัง เฮลีย์ดึงและดึงสุดกำลังและผมหลุดออกมาได้ 

“ข้างล่าง!” เธอตะโกน “ลงไปข้างล่าง!”

เธอวิ่งผ่านโทมัสตัวประหลาดขณะมันพยายามเคลื่อนตาม ผมวิ่งตามเธอไปห่างมือของสัตว์ประหลาดไปไม่ถึงนิ้ว 

พวกเราวิ่งลงบันไดลงมาชั้นล่างตามทางเดินมืด

“ทางนี้” ผมตะโกน มือชี้ไปที่ห้องควบคุมที่ตอนนี้มืดสนิทไม่มีใครอยู่ พวกเราวิ่งเข้าไปข้างในแล้วปิดประตูตามหลัง ผมลากชั้นวางของเหล็กมากั้นประตูไว้อีกชั้น เสียงลางเท้าดังมาจากทางเดิน พวกเรากลั้นหายใจ 

เสียงกระแทกประตูอย่างแรงดังขึ้น เฮลีย์เอามือปิดหน้า ประตูสั่นรุนแรงซ้ำๆ ไม่หยุด

จากนั้นเงียบสนิท…

--------

พวกเรากลั้นหายใจรออยู่สักพัก ได้ยินเสียงโทมัสอยู่อีกด้านหนึ่งของประตู เสียงชุดประดาน้ำขยับเขยื้อนไปมาราวกับอะไรก็ตามที่อยู่ข้างในทั้งยืดทั้งหดทั้งบิดพลิกไปมา

จากนั้นมีเสียงลากฝีเท้าดังห่างออกไปเรื่อยๆ มันลากขาขึ้นบันไดไปดาดฟ้าเรือช้าๆ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก

เฮลีย์คลานมาหาผม “นายโอเคหรือเปล่า เจ็บตรงไหนมั้ย?” เธอถาม

“ฉัน.. ฉันว่าฉันไม่เป็นอะไร” ผมตอบ พยายามเช็กดูตัวเอง ขนลุกซู่เมื่อนึกได้ว่าตัวเองเกือบได้เห็นหน้าของสัตว์ประหลาดนั่น ลีเคยได้เห็นมันและเขาฆ่าตัวตาย

“ทำไงดี?” ผมถาม “ไม่มีทางออกจากห้องนี้ ไม่มีอาหาร น้ำ ไม่มีอะไรเลย พวกเราติดกับอยู่ในนี้”

“เราพยายามคิดกันก่อน” เธอพูดและเราสองคนมองรอบตัว 

“คอมพิวเตอร์สามเครื่อง, วิทยุที่เชื่อมต่อกับชุดนักประดาน้ำของโทมัส, สวิทช์ควบคุมกว้านเรือ” ผมพูด

เฮลีย์เอามือถูตาแล้วสูดหายใจ “เราต้องติดต่อกับเจ้านาย สถานการณ์ตอนนี้มันเหนือการควบคุมของเราแล้ว”

ผมพยักหน้า “ฉันเคยคิดว่าพวกเราจะรับมือกับเรื่องนี้เอง เพราะเจ้านายคงไม่แฮปปี้แน่ๆ แต่ตอนนี้เราทำอะไรไม่ได้มากแล้วล่ะ” ผมพูด

“ช่างแม่ง” เฮลีย์พูด “เจ้านายกับพวกของเขาต้องรู้แน่ๆ ว่าส่งเรามากู้อะไร พวกเขารู้ว่ามันอันตรายแค่ไหนแต่เลือกที่จะไม่บอกเรา จบงานนี้แล้วฉันจะไม่ทำงานกับพวกเขาอีก”

เธอดึงมือถือออกมาแล้วกดเบอร์ ผมได้ยินเสียงสัญญาณติดต่อ หลังสองสามวินาทีผ่านไป ใครบางคนรับสาย

“สถานะ” เสียงตามสายพูดขึ้น สำเนียงหนาหนัก

“นี่เฮลีย์ เราต้องการความช่วยเหลือเดี๋ยวนี้เลย”

“บอกสถานะมา” เสียงอีกด้านของสายพูดซ้ำ “กู้เป้าหมายได้หรือเปล่า?”

“ไม่มีเป้าหมาย ไอ้บ้าเอ้ย!” เฮลีย์สบถ ก่อนหน้าคืนนี้ ไม่มีใครในพวกเราที่จะกล้าพูดแบบนั้นกับนายจ้าง แต่ตอนนี้ดูเหมือนนั่นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องกังวลอะไร

“ตัวอะไรก็แล้วแต่ที่ขนส่งโดยเรือเหยาไห่ มันหลุดออกไปได้” เธอพูดต่อ “มันเข้าไปในชุดประดาน้ำของโทมัส ลีตายแล้ว โจนาธานกับฉันหลบอยู่ในห้องควบคุม พวกเราต้องการความช่วยเหลือด่วน”

ไม่มีเสียงตอบกลับ เราได้ยินเสียงพื้นหลังเหมือนมีหลายคนกำลังคุยกันเป็นภาษาจีน ผมไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดเลยสักคำเดียว แต่มันฟังดูเหมือนพวกเขากำลังเถียงกัน

“ฮัลโหล?” เฮลีย์พูดโกรธๆ “ได้ยินพวกเราหรือเปล่า? เราต้องการความช่วยเหลือเดี๋ยวนี้เลย!” 

ผมคว้าโทรศัพท์จากเฮลีย์ “นี่มันเกิดบ้าอะไรกันขึ้น?! เรือเหยาไห่ขนส่งตัวบ้าอะไร?! บอกมานะ! ให้ตายสิ!!”

เสียงเถียงกันเงียบลง 

“สุ่ยกุ้ย (shui gui)” เสียงนั้นตอบ

และพวกเขาตัดสาย..

“บ้าเอ๊ย!” เฮลีย์ตะโกนก่อนโยนโทรศัพท์ในมือทิ้ง


“แค่นั้นเองเหรอ?” ผมถามอย่างไม่อยากเชื่อ “เราทำงานกับไอ้พวกนี้มาตั้งหลายปี นี่พวกมันทิ้งเราง่ายๆ อย่างนี้งั้นเหรอ?”

“ไอ้พวกตาขาว!” เฮลีย์สบถ “พวกมันไม่แมนพอจะบอกเราด้วยซ้ำว่าเรากำลังรับมือกับอะไร”

“เราจะหยุดเรื่องนี้ได้ยังไง?” ผมถาม “เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันตัวอะไร จะหยุดมันได้ยังไง?”

ผมมองเฮลีย์ที่ตอนนี้มีสีหน้าครุ่นคิด ความหวังก่อตัวขึ้นในใจผม 

“เธอมีแผนใช่หรือเปล่า?” ผมถาม

“มันอันตราย” เธอยอมรับ “มีความเป็นไปได้ว่าแผนจะไม่ได้ผล และถึงจะได้ผล พวกเราอาจจะไม่รอดชีวิตกลับออกไปก็ได้”

“มันไม่มีทางจะแย่ไปกว่าสิ่งที่เรากำลังรับมืออยู่ตอนนี้แน่” ผมตอบ คลานไปหาเธอ “บอกมาเถอะว่ากำลังคิดอะไรอยู่?”

“ไอ้ตัวบ้านั่นมันอยู่ในชุดนักประดาน้ำ” เธอพูด “มันออกมาไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่มันออกมาไม่ได้”

“บางทีมันอาจจะเชื่อมอยู่กับโทมัสละมั้ง” ผมพูด

“ใช่ อาจจะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ฉันว่ามันต้องอยู่เหนือน้ำ ถ้ามันอยากอยู่ในมหาสมุทรมันคงกระโดดลงน้ำไปนานแล้ว แต่นี่มันยังอยู่บนเรือ”

“ทำไม? ทำไมมันยังอยู่บนเรือล่ะ?” ผมพูด ในหัวพยายามคิดหาเหตุผล

“บางทีมันอาจจะอยากขึ้นฝั่ง บางทีมันอาจจะออกจากชุดนักประน้ำเองไม่ได้และต้องให้ใครสักคนพามันออกมา ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เราอาจจะใช้ประโยชน์จากเหตุผลนั่นได้” เฮลีย์พูด

“ยังไงล่ะ?” ผมถาม

“ตอนนี้มันอยู่ที่ดาดฟ้าเรือ เราแอบออกไปที่ห้องเครื่องยนต์ ฉันจะไปเตรียมทำให้ถังน้ำมันมันระเบิด เสร็จแล้วพวกเราวิ่งออกไปที่ดาดฟ้าแล้วโดดลงน้ำก่อนมันจะตามเราทัน พอเกิดระเบิด เรือจะจมลงน้ำ ไอ้ตัวนั้นก็จมไปกับเรือด้วย” เฮลีย์พูด

ผมเลิกคิ้ว “ไปเรียนวิชาระเบิดเรือมาจากไหนกัน?” ผมถาม

เฮลีย์ยิ้มเศร้าๆ มือแตะจมูก “ฉันต้องมีความลับกับเค้าบ้างสิ จริงไหม?”

ผมลุกยืนแล้วเริ่มเดินไปมา ในหัวคิดถึงแผนที่เฮลีย์คิดขึ้น “แล้วถ้ามันตามเราลงน้ำไปล่ะ?” ผมถาม

“มันทำแบบนั้นไม่ได้” เธอพูด “ถ้ามันทำแบบนั้น ชุดนักประดาน้ำจะลากมันจมลงท้องมหาสมุทร”

“ที่นี่มีเสื้อชูชีพ” ผมพูด “มันจะช่วยเราได้มากตอนลงน้ำ”

“ใช่แล้ว” เฮลีย์พูด “เรารู้ว่ารัฐมีเรืออยู่แถวนี้ พอเครื่องยนต์ระเบิด พวกเขาอาจจะมาตรวจสอบและอาจจะช่วยเราขึ้นจากน้ำ เราแค่ต้องลอยคออยู่ในทะเลสักสองสามชั่วโมง”

“แล้วถ้าไม่มีใครไม่มาช่วยล่ะ”

เฮลีย์ยักไหล่ “ถ้าเราอยู่ที่นี่ เราตาย อย่างน้อยวิธีนี้เราก็ยังพอมีโอกาสรอด”

ผมยืนนิ่งคิดอยู่อึดใจ ในที่สุดผมพยักหน้า “ตกลง”

พวกเราลากชั้นวางของออกจากประตูช้าๆ ระวังไม่ให้เกิดเสียงดัง เสียงทุกเสียงตอนนี้ฟังดูเหมือนดังเอามากๆ และเราไม่อยากดึงความสนใจของตัวอะไรก็ตามที่อยู่บนดาดฟ้าเรือ เราเงียบฟังสักพัก ไม่มีเสียงฝีเท้า ไม่มีเสียงลากตัวบนบันได ทุกอย่างเงียบสนิท

“ไปกันเถอะ” ผมกระซิบ

---------------------

เราปลดล็อกประตูเงียบๆ เปิดออกแล้วย่องออกจากห้องควบคุมเข้าสู่โถงทางเดินมืด เสียงทุกเสียงก้องกังวานในท้องเรือ 

พวกเรามาถึงห้องเครื่องยนต์

“เฝ้าระวังให้ที” เฮลีย์กระซิบ “ต้องใช้เวลาหน่อย”

เธอย่องอย่างระวังไปที่เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลขนาดใหญ่และถังเชื้อเพลิงที่ใช้ขับเคลื่อนเรือ ทุกอย่างเงียบสนิท

ผมหมอบในเงามืดตามองประตูใจเต้นแรง เฮลีย์คุ้ยหาเครื่องมือ ผมกระซิบให้เธอเร่งมือ

สองสามนาทีที่ให้ความรู้สึกเหมือนชั่วกัปชั่วกาลผ่านไป ผมได้ยินเสียงสัตว์ประหลาดในชุดนักประดาน้ำครั้งหนึ่งเหนือหัวพวกเรา ผมกลั้นใจรอ แต่เสียงเงียบหายไป

ในที่สุด เฮลีย์คลานกลับมาทางผม

“เสร็จแล้ว” เธอกระซิบ “เรามีเวลาสองนาทีก่อนเครื่องยนต์ระเบิด ต้องรีบกันแล้ว”

เราเริ่มออกเดินในความมืด เข้าใกล้บันไดขึ้นดาดฟ้าเรือเข้าไปทุกที แสงจันทร์ส่องกระทบบันไดเรืองรองเหมือนทางขึ้นสวรรค์ มันดูสวยงามอย่างประหลาด

“อีกหนึ่งนาที” เฮลีย์กระซิบ “พร้อมวิ่งหรือยัง?”

“พร้อมสิ ไปกันเถอะ” ผมตอบ

“นับถึงสามนะ หนึ่ง.. สอง.. สาม!”

พวกเราออกวิ่ง ก้าวขึ้นบันไดทีละสองขั้น ผมมองเห็นท้องฟ้าอยู่รำไรเหนือหัว พวกเราใกล้ถึงที่หมายเต็มที - -

ตอนนั้นเอง บางอย่างขนาดใหญ่มหึมาก้าวเข้ามาในกรอบสายตาเหนือพวกเราบดบังแสงจันทร์ ผมร้องลั่นด้วยความตกใจผงะหงายหลัง พยายามลนลานคลานหนี

แต่เฮลีย์โชคไม่ดีนัก..

เธอร้องด้วยความเจ็บปวดตอนสัตว์ประหลาดจับเธอไว้ได้ มันโอบกอดเธอด้วยอ้อมแขนโป่งพอง แต่ผม.. ผมวิ่งหนีอย่างขี้ขลาด ทางขึ้นทางเดียวถูกบล็อก สมองผม.. สัญชาตญาณดิบของมนุษย์ที่เก่าแก่ยิ่งกว่าตัวผมเอง บอกให้ผมวิ่งกลับไปยังสถานที่ปลอดภัยเดียวที่ผมรู้จัก

ขณะผมวิ่งกลับไปยังห้องควบคุม เรือทั้งลำสั่นไหวเหมือนถูกจับเขย่าอย่างแรง ผมเสียสมดุลล้มลงกับพื้นหัวกระแทกพื้นโลหะ ตาเห็นดาววิบวับไปหมด

นั่นเป็นตอนที่เสียงร้องของเฮลีย์เงียบลงกะทันหัน.....

ผมคลานเข้าห้องควบคุมหัวหมุนตื้น ปิดประตูลงกลอน จากนั้นทรุดลงกองกับพื้นร้องไห้โฮด้วยความกลัวและละอายแก่ใจ

เรือส่งเสียงครางรอบตัว ผมรู้สึกได้ว่ามันเคลื่อนที่โคลงเคลง เสียงของน้ำที่ไหลบ่าาผ่านผนังเข้ามาดังลั่น

-------

ผมนั่งฟังเสียงนั้นมาพักใหญ่ๆ แล้ว อีกไม่นานแล้วล่ะ.. อีกไม่นานเรือทั้งลำจะจมลงสู่ก้นทะเลลึก ความมืดจะถาโถมเข้าใส่ และทุกอย่างจะได้สิ้นสุดลงเสียที

ผมเขียนข้อความนี้บนคอมเครื่องเดียวที่ยังใช้การได้ในห้องควบคุม มันเป็นคำสารภาพบาปของผมเอง ผมไม่ใช่คนดีเด่อะไร แต่ผมอยากให้ใครสักคนได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ ผมอยากให้ใครสักคนได้รู้ว่าเพื่อนผมตายยังไง และ..ผมอยากให้ใครสักคนจดจำผมได้บ้าง

ผมส่งเรื่องนี้ไปที่คลาวด์และตั้งให้มันส่งเพื่อเผยแพร่ให้เร็วที่สุด ผมหวังจริงๆ ว่าใครสักคนจะได้อ่านเรื่องนี้ หวังจริงๆ ว่าใครสักคนจะจดจำพวกเราได้

ผมไม่เคยอยากต้องจมน้ำตาย ไม่มีนักประดาน้ำคนไหนอยากตายด้วยวิธีนั้น มันเป็นวิธีตายที่น่ากลัวและเจ็บปวด แต่ตอนนี้ มันดูเป็นการตายที่ไม่ได้แย่อะไรนัก ที่จริง.. มันเป็นสิ่งที่ผมหวังเสียด้วยซ้ำไป

เพราะมีการตายแบบอื่นที่แย่ยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่า

ผมได้ยินเสียงโทมัส – หรือไอ้ตัวอะไรก็ตามที่เคยเป็นโทมัส - ผ่านประตูห้องเข้ามา

“ออกมา.. โจ..นา.. ธาน” โทมัสครางเสียงเหมือนแทบไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์

“ออกมา.. ฉันพร้อม.. ฉันพร้อมจะถอดชุดนี่ออกแล้ว..”


******** จบบริบูรณ์ ********

❤️ โดเนท: ถ้าเพื่อนๆ​ รักชอบอ่านเรื่องแปลแปลกๆ  หลอนๆ แบบนี้​ ช่วยโดเนทเป็นกำลังใจให้แอดด้วยน้าาา​ ทุกบาททุกสตางค์​จะช่วยซื้อเวลาให้แอดได้สรรหา, พูดคุยกับเจ้าของเรื่อง, และทำการแปลเรื่องน่ากลัวๆ​ แบบนี้ได้มากขึ้นค่ะ​และได้เรื่อยๆ ค่ะ 😊 (โดเนทที่นี่)

❤️❤️ Credit: Thank you Drunkenswordman, the author of the original story. You are awesome! :)

ปล. อย่าลืมแวะมาช้อปกระเป๋านอนไม่หลับน่ารักๆ ไปใช้กันนะค้าาา แอดวาดเองทุกภาพ รับประกันความน่ารักค่ะ :) 



กระเป๋าผ้านอนไม่หลับ
❤️ ขนาด 15x12.5 นิ้ว ราคา 250 บาท (ส่งฟรี)
มี 5 แบบให้เลือก:



แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น