ดอกบัวเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยปีหนึ่งได้หกเดือน ด้วยความที่เป็นคนร่าเริงและจิตใจดี ทำให้เธอเริ่มมีเพื่อนมากมายและกิจกรรมสนุกๆ เยอะแยะให้ทำ แต่ไม่ว่าในแต่ละวันของเธอจะวุ่นวายแค่ไหน ดอกบัวก็ยังไม่วายรู้สึกว่าชีวิตเหมือนจะขาดอะไรไปสักอย่าง
บางอย่าง.. ที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าคืออะไรเช้าวันหนึ่งก่อนปิดเทอมแรก เธอเดินผ่านบอร์ดข่าวของคณะแล้วบังเอิญมองเห็นใบประกาศเปิดรับอาสาสมัครจากบ้านพักคนชราแห่งหนึ่งใกล้ๆ ดอกบัวคิดว่าดีเหมือนกัน แทนที่จะปิดเทอมอยู่บ้านเฉยๆ ช่วงหน้าร้อน ไปใช้เวลาเป็นอาสาสมัครช่วยคนอื่นก็น่าสนใจดี
เธอหยิบมือถือขึ้นมากดหมายเลขบนประกาศ
“ฮัลโหล สวัสดีค่ะ นี่บ้านพักคนชราสายธารใช่มั้ยคะ ฉันอยากสมัครเป็นอาสาสมัครค่ะ” ดอกบัวพูด
ปลายสายเงียบไปพักหนึ่งก่อนตอบ “งั้นถ้าวันนี้ว่างก็มาได้เลยนะ”
ดอกบัวงงนิดๆ กับคำพูดออกห้วนๆ ของคนรับสาย ใจคิดว่าคงเป็นพยาบาลที่เบื่อหน่ายกับงานที่ต้องรับมือกับคนแก่ตลอดเวลาเต็มที เธอยิ้มก่อนตอบรับ “งั้นอีกเดี๋ยวเจอกันนะคะ” แล้ววางสาย
พอไปถึงบ้านพักคนชราสายธาร สถานที่ซึ่งแม้จะอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับมหาวิทยาลัยของเธอ แต่เธอกลับไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน ตึกสูงตระหง่านสีขาวโพลนสะอาดตาตั้งอยู่ไม่ไกลจากถนนหลักนัก มีรั้วรอบขอบชิดสูงเหนือหัวขึ้นไปหลายเมตรดูปลอดภัยดี เธอสูดหายใจลึกก่อนก้าวยาวๆ ไปทางประตูหน้า
ด้านใน มีเคาน์เตอร์ตั้งอยู่ตรงจุดไกลสุดของโถงกว้าง พนักงานหญิงต้อนรับนั่งเล่นมือถืออยู่หลังเคาน์เตอร์
ดอกบัวเดินไปหาเธอแล้วบอกเธอว่าจะมาสมัครเป็นอาสาสมัครที่นี่ พนักงานต้อนรับทำหน้างงๆ ก่อนจะมีสีหน้าเหมือนนึกขึ้นมาได้ เธอถอนใจยาว “งั้นรอที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวไปเรียกพยาบาลมาให้” เธอพูดห้วนๆ
“คนทำงานที่บ้านพักคนชราเขาเป็นแบบนี้กันทุกคนหรือเปล่านะ พูดจาห้วนๆ ไม่มีหางเสียงเลย” ดอกบัวคิดในใจออกจะหงุดหงิดนิดๆ แต่ก็กล่าวขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า ก่อนเดินไปนั่งรอที่ม้านั่งเรียงยาวเป็นแถวหลายแถวในห้องโถง
พนักงานต้อนรับลุกเดินไปหาพยาบาลคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล ระหว่างสนทนา นางพยาบาลคนนั้นมองมาทางเธอคิ้วขมวดมุ่นแล้วเหลือกตามองบนแบบเบื่อๆ สงสัยคงจะเกลียดความคิดที่ว่าเธอจะต้องเป็นคนรับผิดชอบอธิบายงานอาสาสมัครให้เด็กมือใหม่อย่างดอกบัวฟังละมั้งนะ
ดอกบัวมองไปรอบตัว สถานที่แห่งนี้สะอาดสะอ้านดีแต่มีกลิ่นอายของความเก่าแก่ อาจเป็นเพราะตึกนี้เป็นตึกเก่าที่ถูกนำบูรณะขึ้นใหม่ เธอเหลือบไปเห็นแม่บ้านสองสามคนกำลังทำความสะอาดพื้นที่ คนหนึ่งถูพื้น คนหนึ่งเช็ดกระจก ส่วนอีกคนก็เดินหอบผ้าขนหนูเป็นกองเดินเข้าห้องนั้นทีห้องนี้ที ทั้งสามทำงานเงียบๆ เหลือบตามองเธอเป็นครั้งคราวแล้วหลบสายตาทุกครั้งที่เธอหันไปมอง
นางพยาบาลคนนั้นเดินมาทางเธอ
“หวัดดี ฉันสมศรีนะ มาทำหน้าที่อาสาสมัครใช่หรือเปล่า?” เธอพูดเบื่อๆ “ถ้างั้นวันนี้ก็เริ่มจากตาบุญก็แล้วกัน แกแก่มากแล้ว เหงามากตามประสาคนแก่ แต่แกรักเด็ก ลองไปคุยเป็นเพื่อนแกดูก็แล้วกัน” สมศรีชี้ไปทางลิฟต์ “ขึ้นลิฟต์ไปชั้นสอง ห้องสุดท้ายขวามือ” เธอพูดก่อนเดินสะบัดก้นกลับไปทางออฟฟิศใกล้เคาน์เตอร์
ดอกบัวทำตามที่พยาบาลสมศรีบอก เดินขึ้นลิฟต์ไปชั้นสองแล้วเดินไปสุดทางเดิน ห้องของตาบุญเป็นหนึ่งในไม่กี่ห้องของชั้นนี้ เธอเปิดประตูไม้สีออกครีมละมุนตาแล้วก้าวเข้าไปข้างใน
ห้องของตาบุญมีกลิ่นอายของความตาย มันเป็นกลิ่นอับปนความโศกเศร้าอย่างที่เธอเองก็อธิบายไม่ถูก เธอเรียกมันว่า “กลิ่นความตาย” เพราะเธอเคยได้กลิ่นเดียวกันนี้ตอนไปเยี่ยมย่าของเธอในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิตก่อนแกจบอายุขัย
ตาบุญนอนอยู่ที่เตียงข้างหน้าต่างห่างออกไปไม่ไกล ดอกบัวเดินไปยืนข้างเตียง ดูแล้วแกน่าจะอายุไม่ต่ำกว่าแปดสิบปี ใบหน้าเหี่ยวย่นดูสงบสุข ข้างเตียงมีโต๊ะเล็กๆ สำหรับวางเครื่องมือหมอพร้อมสายระโยงระยางจากเสาแสตนเลสข้างๆ
ตาบุญขยับตัวแล้วเปิดเปลือกตา พอแกรู้ว่ามีคนมายืนข้างเตียงแกขมวดคิ้วมุ่นสีหน้าขึ้งโกรธ ดอกบัวสะดุ้งเล็กน้อย
พอตาบุญมองเห็นเธอเต็มตา สีหน้าของแกก็อ่อนโยนขึ้น “นางฟ้า” แกพูดพร้อมรอยยิ้มสุขใจ “นานแล้วที่ไม่ได้เห็นนางฟ้าจิตใจดีงามแบบหนู”
ดอกบัวยิ้ม ไม่รู้ว่าจะตอบแกว่ายังไงดี
“หนูช่วยจับมือตาหน่อยได้ไหม” ตาบุญยื่นมือสั่นระริกมาทางเธอ “ฉันจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว แล้วก็เหงาเหลือเกินที่ต้องอยู่ในที่ที่รายล้อมไปด้วยปีศาจชั่ว”
ดอกบัวรู้สึกกลัวนิดๆ แต่ก็สงสารตาบุญ เธอเคยได้ยินเรื่องราวแย่ๆ ที่เกิดขึ้นในบ้านคนชราหลายต่อหลายแห่ง เธอเริ่มสงสัยว่าพยาบาลที่นี่อาจจะละเลยคนไข้และคงจะปฏิบัติต่อเขาไม่ดีนัก
ดอกบัวยื่นมือไปจับมือตาบุญ
ทันใดนั้นเอง ขนที่แขนของเธอลุกซู่ ดอกบัวรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเหมือนถูกไฟช็อตวิ่งผ่านแขนฉับพลันจากนั้นหมดสติไป
พอรู้สึกตัวอีกครั้ง ชายชราตรงหน้ากำลังจ้องมองเธอด้วยแววตาอ่อนโยนแต่แฝงไว้ด้วยความโศกเศร้าและเห็นใจลึกๆ ดอกบัวมองไม่เห็นรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของเขาอีกต่อไปแล้ว เขาดูหนุ่มขึ้นอย่างประหลาด
“ขอโทษทีนะหนู” เขาพูด “พลังพิเศษนี้มันจะตายไปกับฉันไม่ได้”
ดอกบัวขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“ฉันให้มันกับหนูเพราะหนูเป็นนางฟ้าจิตใจดีที่ฉันไม่เคยได้พบเจอมานานหลายปีแล้ว” เขาพูดเสียงแหบพร่า “ตอนนี้ หนูจะได้มองเห็นตัวตนที่แท้จริงของผู้คนรอบตัว หนูอาจจะเกลียดฉันที่ทำแบบนี้ แต่นี่เป็นหนทางเดียว”
ตาบุญหลับตาพริ้ม ถอนใจยาว ก่อนสิ้นลมหายใจ..
ดอกบัวเดินกลับออกมาจากห้อง ระหว่างทาง เธอเดินสวนกับปีศาจงูในร่างนางพยาบาลสมศรี ใบหน้าเต็มไปด้วยเกล็ดของเธอบิดเบี้ยวด้วยความเกลียดชังและโมโหร้ายขณะแลบลิ้นสองแฉกรัวเร็ว ดอกบัวระวังไม่ให้เดินชนเธอ
พอประตูลิฟต์เปิด เธอเดินเข้าสู่ห้องโถงที่มีเคาน์เตอร์ตั้งอยู่ที่มุมไกลสุด
ที่หลังเคาน์เตอร์ แพะมีเขาโค้งขนาดมหึมาในร่างพนักงานต้อนรับกำลังยืนคุยกับหมาไฮยีน่าในร่างแม่บ้าน ร่างทะมึนทั้งสองโก่งคอเปล่งเสียงเห่าหอนแสบแก้วหู
“สงสัยตอนอยู่ที่นี่ ตาบุญคงถูกรายล้อมด้วยปีศาจชั่วร้ายจริงๆ ด้วย” ดอกบัวคิด
- จบ -
0 ความคิดเห็น