ฉันยิ้มตอนเงยมองรีสอร์ทหลังคาสูงตรงหน้า มือหนึ่งหิ้วกระเป๋าเดินทางใบโตส่วนอีกมือกระชับเป้บนไหล่
ในที่สุดฉันก็ได้ปลีกตัวออกมาพักผ่อนคนเดียวเสียที ชีวิตคนเป็นแม่และเมียช่างลำบากลำบน คำว่า “ลูกกวนตัวผัวกวนใจ” เป็นนิยามแห่งวังวนชีวิตที่ฉันสั่งสมความเบื่อหน่ายและเกลียดชังมานานหลายปี
วันหนึ่ง เมื่อความอดทนถึงจุดสิ้นสุด ฉันยื่นคำขาดกับสามี “เจ็ดวัน” ฉันพูดน้ำเสียงเด็ดขาด “ฉันขอเจ็ดวันที่ไม่มีคุณและลูกมากวนใจ ไม่งั้นฉันจะหย่า”
ตอนแรกเอกภพสามีฉันจะไม่ยอมแต่ฉันไม่อ่อนข้อ เขาทบทวนข้อดีข้อเสียอยู่พักใหญ่ก่อนยอมตาม
“ก็ได้สุจิตรา อยากได้อย่างนั้นก็ตามใจ ขอโทษนะ ผมไม่รู้เลยว่าคุณเครียดกับทุกวันขนาดนั้น ไปถึงแล้วก็ส่งที่อยู่ให้ผมแล้วกัน พอครบเจ็ดวันแล้วผมจะไปรับ”
ฉันเดินเข้าห้องพัก โยนสัมภาระอย่างไม่ใส่ใจแล้วกระโดดขึ้นเตียงขนาดคิงไซส์พลางหัวเราะชอบใจ ถ้านี่เป็นความฝันฉันก็ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกเลย ห้องโล่งๆ เตียงหลังใหญ่ และระเบียงที่มีวิวแสนสวยของหุบเขาสูงเขียวขจี ทั้งหมดนี่เป็นของฉันคนเดียว
จะทำอะไรก่อนดีนะ? ฉันครุ่นคิดด้วยใจพองโต ไม่อยากเชื่อเลยว่ายิ่งแก่ตัวมากขึ้นเท่าไหร่ สิ่งที่ทำให้มีความสุขก็ยิ่งเรียบง่ายมากขึ้นเท่านั้น ฉันไม่ได้อยากเดินทางท่องเที่ยวรอบโลก ได้เป็นเจ้าของบ้านหลังใหญ่โตหรือรถหรู แค่ได้ปลีกตัวออกมาพักใจเงียบๆ คนเดียวสักพัก หนังสือดีๆ สักเล่ม และกาแฟถ้วยโปรดก็เพียงพอแล้ว
เวลาเจ็ดวันผ่านไปไวเหมือนโกหก สองวันแรกฉันนั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องอย่างสบายอารมณ์ วันต่อมาฉันออกไปเที่ยวข้างนอก ดูหนังฟังเพลงดื่มกาแฟตามแต่สองขาจะพาไป
วันนี้ ฉันแพคของทุกอย่างแต่เช้า การได้พักผ่อนเต็มที่เจ็ดวันเต็มๆ ทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจกระปรี้กระเป่า พร้อมจะกลับไปทำหน้าที่แม่และเมียอย่างดีอีกครั้ง
ฉันเดินออกจากห้องพัก ตั้งใจจะไปนั่งกินลมชมวิวเพลินๆ ที่ร้านอาหารของรีสอร์ทเป็นครั้งสุดท้ายระหว่างรอเอกภพมารับ
ระหว่างทางเดินไปที่ร้านอาหาร มียายแก่ๆ คนหนึ่งยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างทาง ดูเหมือนแกกำลังมองหาอะไรบางอย่าง
“ยายจ๊ะ มาทำอะไรอยู่ที่นี่คนเดียว?” ฉันถาม
หญิงชราไม่ตอบ ราวกับไม่รับรู้ว่าฉันอยู่ตรงนั้นกับแกด้วย ยังคงยืนเหม่อลอย
“ยาย..” ฉันลองเรียกดูอีกครั้ง
“หืม?” คราวนี้หญิงชราหันมามองเธองงๆ
“ทำอะไรหายเหรอจ๊ะ ฉันจะได้ช่วยหา” ฉันถามอย่างอ่อนโยน
หญิงชราเอามือคลำตามกระเป๋าเสื้อและกางเกงตัวเองราวกับจะหาอะไรสักอย่าง “ชื่อยายหาย ยายจำชื่อตัวเองไม่ได้ นี่กระเป๋าตังก็หายอีก บัตรประชาชนก็อยู่ในนั้น ตอนนี้เลยไม่รู้เลยว่าตัวเองชื่ออะไร”
ฉันรู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ แกคงความจำเสื่อมมาหลงทางอยู่แถวนี้ “อืม..เอาไงดี ฉันโทรแจ้งตำรวจให้ดีไหมยาย เขาจะได้ช่วยพายายกลับบ้าน”
หญิงชราน้ำตาคลอ “ขอบใจมากนะหนูที่ใจเมตตากับคนแก่ ว่าแต่หนูชื่ออะไรจ๊ะ ถ้าหนูไม่ว่าอะไร หนูจะให้ชื่อของหนูกับยายได้ไหม?”
“ได้สิจ๊ะยาย ฉันชื่อสุจิตราจ้ะ”
“แล้วนามสกุลอะไรเหรอลูก?”
“‘ดั่งแสงทอง’ จ้ะ”
“‘สุจิตรา ดั่งแสงทอง’ ชื่อเพราะดี ยายชอบ ขอบใจนะที่ให้ชื่อนี้กับยาย” หญิงชราพูดจบแล้วออกเดินจากไปช้าๆ
ฉันเอียงคอมองตามหญิงชรางงๆ ตอนรถของเอกภพสามีมาจอดเทียบท่า
“คุณ” เขาเรียก
ฉันหันไปมองเขาที่ตอนนี้สีหน้าบ่งบอกความสับสนแปลกๆ
“อ้าวคุณ มาแล้วเหรอ แล้วเป็นอะไรไป?” ฉันถาม
“ผม.. ผมจำชื่อคุณไม่ได้” เขาตอบ
“ก็ชื่อ..” ฉันชะงัก พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าตัวเองชื่ออะไร ฉันหันไปมองหญิงชราที่ตอนนี้เดินห่างออกไปทุกที จำได้ว่ายายคนนั้นบอกว่าแกชื่อสุจิตรา แต่นอกเหนือจากนั้น ฉันจำไม่ได้ว่าเมื่อกี้คุยกับแกเรื่องอะไร
“ยาย ยายจ๊ะ!” ฉันรีบวิ่งไปหาหญิงชรา “ยายรู้ไหมว่าฉันชื่ออะไร?”
“อ้าว.. ทำชื่อหายเหรอหนู โทษทีนะ ยายไม่รู้หรอก” หญิงชราที่ชื่อสุจิตราตอบ
– จบ –
0 ความคิดเห็น