เคสหมายเลข #008926-8
สวัสดีครับ
หากคุณติดตามแฟ้มคดีนี้มาจนถึงตอนนี้ คุณคงกังวลพอๆ กับผมเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตประหลาดตนนี้ ข้อมูลที่ผมแชร์กับคุณจนถึงจุดนี้ล้วนเป็นข้อมูลมือสองจากวิดีโอ การบันทึก หรือบล็อกเท่านั้น ผมรวบรวมสิ่งเหล่านี้และตรวจสอบทุกอย่างจากแหล่งที่มา อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ผมกำลังจะแบ่งปันกับคุณครั้งนี้ล้วนแต่เป็นข้อมูลตรง ไม่มีการบันทึกเสียง ไม่มีวิดีโอ ไม่มีบล็อก และไม่มีเรื่องราวมือสอง ผมเคยเผชิญหน้ากับมันมาแล้วและโชคดีมากที่รอดชีวิตมาได้
ก่อนอื่น ผมต้องบอกคุณถึงสิ่งที่ผมเก็บไว้กับตัวเองมาตลอดโดยไม่ได้เปิดเผยข้อมูลลับ: ผมเป็นนักสืบหน่วยพิเศษที่มุ่งเน้นเรื่องเหนือธรรมชาติ คดีที่เกี่ยวข้องกับสัตววิทยา ฯลฯ เราถูกเรียกตัวเมื่อมีคนเผชิญกับสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถอธิบายได้ หากคุณไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเรามาก่อน แสดงว่าคุณโชคดีเอามากๆ ส่วนมากแล้วเวลาพวกเราถูกเรียกตัว แสดงว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น เรื่องที่เลวร้าย นี่คือเหตุผลที่ผมมีข้อมูลเหล่านี้ในมือ และทำไมผมจึงติดตามสิ่งมีชีวิตที่่ว่านี้นี้อย่างใกล้ชิด มันเหมือนเป็นการเฝ้าระวังมากกว่า
เรายืนยันได้ว่าสิ่งมีชีวิตดังกล่าวอยู่ในรัฐๆ เดียว ขณะนี้มันอยู่ในพื้นที่ที่ไม่มีผู้อยู่อาศัยและไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลยนับตั้งแต่การโจมตีครั้งสุดท้าย มีการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด แต่เราจะไม่เปิดเผยรัฐที่มันอยู่เพื่อหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนกของมวลชน ผมรับปาก... ว่าจะไม่ยอมให้เหล่าพลเรือนต้องหลั่งเลือดอีก
หลังการโจมตีครั้งสุดท้ายและการได้พูดคุยกับผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวจากการโจมตีของสิ่งมีชีวิตนั้น ผมได้ติดตามรูปแบบและตัดสินใจว่ามันอยู่ที่ไหน หรืออย่างน้อยที่สุดที่เราหวังว่ามันจะยังคงอยู่ที่นั่น ภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง ผมได้รวบรวมทีมอาสาสมัครและอาวุธที่เราคิดว่าน่าจะมีประสิทธิภาพ มันมีความเสี่ยง แต่มันอาจช่วยปกป้องชีวิตผู้คนเอาไว้ได้
หลังการโจมตีครั้งที่ห้า สิ่งมีชีวิตดังกล่าวกลับเข้าไปในพื้นที่ภูเขาที่เคยมีการโจมตีเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้อยู่ในถ้ำ พื้นที่ป่า และเทือกเขาเป็นส่วนมาก อาจเป็นเพราะมันเป็นพื้นที่ล่าเหยื่อที่สมบูรณ์แบบของมัน
เรามีเครื่องพ่นไฟระดับกองทัพ 2 เครื่อง ปืนไรเฟิลอัตโนมัติ ปืนลูกซอง ปืนพกข้าง และผมมีเครื่องพ่นไฟต้นแบบแบบพกพาระยะสั้นที่ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา เรารู้สึกว่านี่น่าจะฆ่ามันได้ เราหวังว่าไฟจะเป็นจุดอ่อนหรืออย่างน้อยก็ทำมันกลัวได้ ถ้าแผนสำเร็จ เราอาจได้ชัยชนะมาครอบครอง อย่างไรก็ตาม สิ่งมีชีวิตชนิดนี้อันตรายถึงชีวิตมากกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก หลายต่อหลายคนต้องเสียชีวิตไปเพราะการตัดสินใจผิดๆ ผมจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นซ้ำอีกแน่ๆ
เราสร้างแผงกั้นทำจากเหล็กเคลือบด้วยสารเจลไวไฟรอบถ้ำที่มันอาศัย มีผงเทอร์ไมต์ตามขอบเป็นตัวสำรอง มันไม่สามารถไต่กำแพงได้ ถ้ามันขึ้นไปถึงจุดหนึ่งกำแพงจะติดไฟ ซึ่งจะลุกลามอย่างรวดเร็วมากจนทำให้มันกลัวและกลับเข้าถ้ำ ไม่มีทางออกอื่น ซึ่งหมายความว่าเราได้ดักจับมันไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ก็อย่างที่รู้กันดี สิ่งมีชีวิตที่ติดกับมันอันตรายเอามากๆ เพราะมันจะเริ่มหิวและหาอาหารไม่ได้
ความพยายามครั้งแรกของเราในการกำจัดมันเริ่มต้นได้สมบูรณ์แบบ ผมกับทีมเข้าใกล้พร้อมอาวุธในมือ เรามีแผนง่ายๆ เราจะยิงมันด้วยปืนไรเฟิลอัตโนมัติ ดึงมันเข้าหาหน่วยเพลิงซึ่งจะยิงใส่มัน เรารู้ว่ามันเคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เรามั่นใจในแผนนี้.. ผม.. รู้สึกมั่นใจในแผนนี้
ตอนเราเดินผ่านถ้ำ เราพบศพถูกฉีกเป็นชิ้นๆ หัวขาด แขนขาขาด ไม่ก็มีรูขนาดใหญ่ที่หน้าอก นอกจากนี้ยังมีซากสัตว์บางชนิด กวางสองสามตัว หมี หมาป่า และแมวภูเขา ทุกศพดูเหมือนถูกดูดเลือดออกไปหมด เราคิดว่านี่อาจเป็นเพราะมันไม่อยากจากที่ล่าเหยื่อของมัน พอหาเลือดคนมากินไม่ได้ ก็เลยหาเลือดสัตว์มากินแทน แต่เราคิดผิด ผิดเอามากๆ..
เรารู้สึกเหมือนกำลังถูกจับตามอง ชายสองคนที่อยู่ข้างหน้าพร้อมเครื่องพ่นไฟบอกว่าพวกเขาได้ยินเสียงมันแผ่วๆ เป็นเสียงเหมือนเสียงกลั้วคอที่เรารู้จักกันดีจากไฟล์เคสที่เรามีดังมาจากเหนือหัว ถ้ำมืดสนิท แสงจากข้างนอกเริ่มจางลง เราจึงเปลี่ยนมาใช้ไฟติดไหล่ พอทุกคนเปิดไฟ ทั้งถ้ำก็สว่างไสวขึ้นมาทันที
ผมสั่งให้ลูกน้องเดินต่อด้วยความระมัดระวังและเริ่มได้ยินเสียงกลั้วคอดังขึ้นเรื่อยๆ เราเดินมาถึงช่องเปิดขนาดใหญ่ในถ้ำ มีศพอีกอย่างน้อย 6 ศพ เห็นได้ชัดว่าตายมานานแล้วและเริ่มเน่า ไอ้ตัวบ้านั่นมันอยู่ที่นี่มานานแค่ไหนแล้วนะ? ที่นี่ต้องเป็นรังของมันแน่ๆ มีเลือดเต็มไปหมดทั่วพื้นถ้ำ บนผนัง และบนโขดหิน เราแยกออกเป็นสองทีมและตรวจค้นพื้นที่ แต่ละทีมมีปืนไฟและปืนสำรองสองกระบอก ผมไปกับทีมที่ 2 พวกเราค้นหาหาทางออกอื่นๆ หูได้ยินเสียงมันตลอดเวลาแต่ไม่มีวี่แววของมันเลย เท่าที่รู้ มันซ่อนตัวไม่เก่งนัก โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมแบบนี้
เราค้นหากันอยู่ประมาณ 10 นาที จากนั้นกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ผมระแวงอยู่ว่ามันจะจู่โจมเราเมื่อไหร่ก็ได้ แอบกลัวว่าบางทีมันอาจจะมีผิวหนังคล้ายกิ้งก่าแล้วซ่อนอยู่ตามผนังกำแพงแล้วเรามองไม่เห็น เรารู้ว่ามันเคลื่อนไหวรวดเร็ว แต่ไม่มีทางที่มันจะเลี่ยงแสงไฟและซ่อนตัวอยู่ในที่โล่งได้เพราะมันตัวใหญ่เกินไป ผมยืนงงอยู่สักพัก ข้อมูลทุกอย่างที่เราได้มาบอกว่ามันก้าวร้าว พวกเราน่าจะถูกจู่โจมกันไปนานแล้วแต่ก็เปล่าเลย พวกมันอยู่ที่ไหนกันนะ?
"หัวหน้าครับ เอาไงต่อดี?" แอนเดอร์สันลูกทีมผมถาม "เราพากันออกไปจากที่นี่กันก่อน ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพวกมันถึงเลี่ยงพวกเรา" ผมตอบขณะลูกทีมยกอาวุธเตรียมพร้อมสู้ขณะถอยกลับ พวกเราพากันออกมาจนเกือบถึงทางออกจากถ้ำ หูยังได้ยินเสียงกลั้วคอน่าสะพรึงกลัวตลอดเวลา ผมแน่ใจว่าพวกมันต้องซ่อนอยู่หลังซอกหินใกล้ๆ นี้ บางทีมันอาจจะเพิ่งกินอิ่มก็เลยไม่เข้าจู่โจมพวกเราก็ได้ ใครจะไปรู้
"พูดตามตรง ผมล่ะตั้งตารอจะเผาไอ้ตัวประหลาดพวกนี้มานานละ มันฆ่าคนไปเยอะขนาดนั้น" ลูกทีมมือปืนไฟของผมพูดขึ้น
"เดี๋ยวก็ได้โอกาสน่า มองตรงเข้าไว้ อย่าเผลอ" ผมตอบ ผมไม่รู้จักลูกทีมคนนี้เพราะเขาเพิ่งเข้าร่วมทีม
ตอนนั้นเอง ผมเห็นบางอย่าง มีมือถือตกอยู่บนพื้น ผมเดินไปหยิบมันขึ้นมาดู อาจจะมีข้อมูลอะไรที่มีประโยชน์ก็ได้ ผมมองลูกทีมที่พากันเดินไปที่ทางออกขณะผมเดินตามไปรวมกลุ่ม สงสัยในใจว่าจะมีข้อมูลอะไรบ้างในมือถือเครื่องนั้นพลางเหลือบตาขึ้นมองเพดาน
ผมขนลุกซู่ ไอ้สัตว์นรกห้อยตัวอยู่บนเพดาน! ผมตะโกนบอกลูกทีมตอนมันกระโจนเข้าใส่
มันกระโดดใส่มือปืนเพลิงและกระชากหัวเขาขาดสะบั้นภายในไม่กี่วินาที มือปืนอีกสี่นายสาดกระสุนใส่มันขณะตะโกนบอกมือปืนเพลิงอีกคนให้ยิง ผมรีบวิ่งไปสมทบแต่ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เมือปืนเพลิงยกกระบอกปืนขึ้นเล็ง แต่มันเคลื่อนไหวเร็วมาก..ในช่วงเวลาที่เขายกอาวุธและเล็ง..มันฆ่าเขาตาย มันแทงเขาทะลุหน้าอกจากนั้นโยนเขากระแทกผนังถ้ำขณะเครื่องพ่นไฟของเขาตกพื้น ตอนนี้ผมอยู่ห่างจากพวกเขาแค่ไม่กี่ฟุต มันเหมือนกับว่าพวกเราทุกคนเคลื่อนไหวเชื่องช้าขณะที่ไอ้สัตว์ร้ายเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงกว่าหลายเท่า ลูกทีมที่เหลือระดมยิงขณะมันก้าวเข้าหาพวกเขาช้าๆ กระสุนเจาะผิวหนังของมันก็จริง แต่มันไม่ได้ใส่ใจอะไรเลย ยังคงเคลื่อนที่เข้าใกล้ปากก็ทำเสียงกลั้วคอไป
มันฆ่าสองคนแรกอย่างรวดเร็ว ด้วยการเคลื่อนไหวครั้งเดียวมันตัดหัวพวกเขาทั้งสองคน หัวกระแทกพื้นเสียงดังก้องในถ้ำ ผมสาบานว่าพวกเขายังคงร้องลั่นตอนถูกกระชากคอหลุดจากบ่า
ผมพยายามใช้เครื่องพ่นไฟพกพา มันเป็นโอกาสเดียวของเราตอนนี้ แต่เครื่องพ่นไฟพกพาไม่ทำงาน ผมสบถด่าทีมออกแบบอาวุธ ลูกทีมที่เหลือระดมยิงต่อขณะที่มันดื่มกินเลือดลูกทีมสองคนที่เพิ่งถูกมันฆ่าตาย
หนึ่งในสองลูกทีมที่เหลือวิ่งไปหยิบปืนเพลิงและไอ้สัตว์นรกจิกต้นคอของเขาด้วยกรงเล็บคม มันเกิดขึ้นเร็วมาก กว่าผมจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมันยกเขาขึ้นในอากาศ เปิดปากกว้างรอเลือดที่ไหลบ่าออกมาจากบาดแผลที่ต้นคอของเขา
ผมตะโกนบอกแอนเดอร์สันให้หนีไป ผมจะกันมันไว้เอง แต่แอนเดอร์สันและลูกทีมที่เหลือไม่ยอมฟังผมและยืนยันจะอยู่สู้ไปกับผมด้วย เขาตะโกนบอกให้ผมลองใช้เครื่องพ่นไฟดูอีกครั้ง เขารู้ดีเหมือนกันกับผมว่ามันเป็นโอกาสรอดเดียวของพวกเรา
ไอ้วิศวกรที่ออกแบบเครื่องบ้านี้บอกว่ามันเป็นอาวุธพร้อมรบ อย่างน้อยก็พร้อมพอที่จะใช้เล็งในระยะสั้นได้ แอนเดอร์สันตะโกนเรียกไอ้สัตว์นรก มันกินเลือดลูกทีมผมหมดตัวแล้วโยนทิ้งลงพื้นก่อนหันความสนใจไปที่แอนเดอร์สัน ตอนนั้นเองผมได้ยินเสียง "คลิก" มันเป็นเสียงที่ผมรอมานาน ดูเหมือนเครื่องพ่นไฟจะทำงานแล้ว ผมหันไปมองแอนเดอร์สันกะจะบอกให้เขาถอยออกมา ผมจะได้พ่นไฟใส่มัน
เขาหันมาหาผม "เจสัน บอกลูกๆ ฉันทีว่าฉันรักพวกเขา" เขาพูดน้ำเสียงสงบขณะไอ้สัตว์นรกเจาะหน้าอกเขาทะลุด้วยกรงเล็บแหลม ผมตะโกนพลางวิ่งเข้าใส่ขณะมันยกเขาเข้าหาปากแล้วเริ่มดื่มเลือด
ผมเอาไหล่กระแทกมันเข้าอย่างจังทำเอาร่างแอนเดอร์สันหลุดจากกรงเล็บมันตกลงพื้น ผมพ่นไฟใส่ มันผงะร้องเสียงดังผิดมนุษย์ มันวิ่ง.. วิ่งหนีเหมือนหมาโดนน้ำร้อนลวก ผิวของมันติดไฟขณะมันวิ่งเข้าถ้ำ ผมต้องหยุดตัวเองไม่ให้วิ่งตามมันไปเพราะใช้เชื้อเพลิงปืนเกือบหมดแล้ว ไม่มีทางที่ผมจะฆ่ามันได้สำเร็จด้วยเครื่องพ่นไฟในมือตอนนี้
ผมหันไปหาแอนเดอร์สัน "มันกิน.. กินเลือดฉัน มันกินเร็วมาก.. เลือดฉัน" เขาพูดอย่างอ่อนแรง
"เข้มแข็งไว้แอนเดอร์สัน ฉันจะพานายออกไปจากที่นี่" ผมพูด
"เจสัน.. นายต้องหยุดมัน อย่าปล่อยให้ใครต้องตายเพราะมันอีก.." แอนเดอร์สันพูดด้วยลมหายใจสุดท้าย
"ถึงจะต้องแลกด้วยชีวิตฉันก็จะทำให้ได้" ผมตอบเสียงแผ่วขณะใช้มือปิดตาทั้งสองข้างของเขา
ผมออกจากถ้ำตอนทีมแพทย์มาพร้อมกับทีมโจมตีอีกทีมหนึ่ง เรารีบเข้าไปเก็บศพหรืออย่างน้อยก็ชิ้นส่วนที่เหลือของเหยื่อจากนั้นพากันไปที่อีกด้านหนึ่งของแผงกั้น ร่างกายผมโอเค โชคดีที่รอดมาได้ แต่จิตใจนี่สิ.. ผมเป็นหัวหน้าทีมและต้องเสียลูกทีมไป ความรู้สึกผิดจะตามหลอกหลอนผมไปตลอดชีวิต
ก็นั่นละ เรื่องแบบนี้มาพร้อมกับหน้าที่ ผมพอทำใจได้ แต่การเสียแอนเดอร์สันไปมันให้ความรู้สึกต่างกัน ผมควรระวังมากกว่านี้ ผมน่าจะเหลือบมองข้างบน ไอ้สัตว์นรกนั่นมันแอบอยู่บนเพดานมาตลอด.. พอเวลาจู่โจม.. พวกมันรู้หรือเปล่าว่าปืนเพลิงคืออะไร? เป็นไปได้มั้ยว่ามันได้กลิ่นแก๊ส? มันฉลาดพอที่จะโจมตีและฆ่าเจ้าหน้าที่สองคนที่ถือปืนเพลิงก่อนอย่างนั้นเหรอ?
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
เท่าที่รู้ คือการที่ผมหยุดเดินเพื่อก้มหยิบมือถือเครื่องนั้นมันช่วยชีวิตผมไว้ แอนเดอร์สันกับทีมทั้งหมดตายก็เพื่อปกป้องผม ผมต้องอยู่กับความจริงข้อนั้นไปตลอดชีวิต ถ้าผมยืนรวมกลุ่มอยู่กับพวกเขาตอนนั้น ผมคงตายไปแล้ว ใจผมอยากจะตายๆ ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่ผมรู้ว่าความรู้สึกนั้นจะผ่านไป ทีมของผมไม่ได้สละชีวิตพวกเขาเพื่อให้ผมโวยวาย รู้สึกผิด หรือรู้สึกอยากตาย ผมจะอ่อนแอไม่ได้ ผมต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับแอนเดอร์สัน
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมจะต้องกลับไปที่ถ้ำนั่นอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมจะไปคนเดียว..
ผมเบิกของสองสามอย่างก่อนกลับไปที่นั่น เครื่องพ่นไฟพกพาอีกชิ้น (คราวนี้ได้รับการทดสอบเรียบร้อยแล้ว) เครื่องพ่นไฟ ปืนลูกซองสองกระบอกพร้อมกระสุนดราก้อนบรีธ ขนาด 12 เกจ ปืนพกข้างสองกระบอก และผงเทอร์ไมต์อีกเยอะแยะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ครั้งต่อไปที่ผมเห็นมัน.. มันจะไม่มีวันได้กินเลือดใครอีก
ระหว่างรอของพวกนั้น ผมจะเช็กข้อมูลในมือถือที่เก็บได้ในถ้ำและรายงานอะไรก็ตามที่อาจเป็นประโยชน์กับเรา พอได้ของพวกนั้นมาแล้ว ผมจะกลับไปที่ถ้ำนั่นอีกครั้ง
ดูแลตัวเองนะครับ
นักสืบเจสัน เลย์น
******** โปรดติดตามตอนต่อไป -------
0 ความคิดเห็น