คืนนั้นผมไปนั่งกินดื่มกับเพื่อนรักของผมอีกสองคน
พอลกับเสิร์จ เราสังสรรค์กันแบบนี้เป็นประจำตั้งแต่อายุ 20 กว่าๆ
หลายปีมานี้ การสังสรรค์ของเราก็คือการดื่มจนเมาแล้วคุยเรื่องไร้สาระไปเรื่อยเปื่อยจนเบื่อก็ค่อยดูหนังกันหรือไม่ก็เล่นเกม หลังจากนั้นพอลกับผมพากันกลับบ้านไปหาครอบครัว และเสิร์จกลับบ้านไปใช้ชีวิตคนเดียวตามประสาคนโสด
พวกเราดื่มกันมาสักชั่วโมงนึงได้ก่อนผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้เมา ที่จริงออกจะตื่นตัวด้วยซ้ำ เหมือนมีความคิดพุ่งพล่านในหัวเป็นล้านจนผมต้องบอกใครสักคน
"ออกฤทธิ์แล้วสินะ" พอลพูด
"ฉันคงเมาง่ายขึ้นว่ะ" ผมพูดใจคิดว่าเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้กินเหล้า มีเวลาก็เอาไปเลี้ยงลูกหมดเลยคอไม่แข็งเหมือนเมื่อก่อน
พอลยิ้มเยาะ "ไม่ใช่เหล้าหรอก" เขาพูด "ฉันแอบใส่บางอย่างในขวดเหล้าต่างหาก"
"นายพูดอะไรวะ?" เสิร์จถามน้ำเสียงหงุดหงิด
พอลยกขวดเล็กๆ ในมือขึ้นโชว์ "ฉันเองก็เรียกชื่อมันไม่ถูก แต่มันก็เซรั่มพูดความจริงนั่นแหละ ฉันได้มาจากห้องแล็ปที่ออฟฟิศ ของแปลกนะเว้ย มันได้ผลจริงเสียด้วย"
"พูดเป็นเล่น" ผมพูดพลางลุกจากโซฟา "ฉันกลับบ้านดีกว่า"
เสิร์จมองพอลอย่างโมโหแต่พยายามไม่พูดอะไร ตลอดหลายปีที่พวกเราเป็นเพื่อนกันมา เราเคยพูดคุยเปิดอกกันแค่ไม่กี่ครั้ง
"ไม่เอาน่า" พอลพูด เดินไปกันประตูไว้ "พูดความจริงนิดๆ หน่อยๆ มันจะเป็นอะไรไปถ้านายไม่ได้มีอะไรปิดบัง?"
"อยากได้ความจริงเหรอวะ?" ผมถาม "เอาเป็นว่าฉันโมโหที่คนๆ หนึ่งที่ฉันคิดว่าเป็นเพื่อนรักตัดสินใจวางยากัน ทีนี้ก็หลีกทางได้แล้ว"
"ฉันจะไม่ถอยจนกว่านายจะบอกมาว่าไปนอนกับเจสมาหรือเปล่า!" เขาพูดเสียงเครียด
ผมมองบน ในใจตระหนักได้ว่าไอ้เซรั่มบ้านั่นได้ผล ผมพยายามปิดปากเงียบไม่พูดอะไร แต่รู้สึกเหมือนคำพูดมันกำลังหาทางจะพรั่งพรูออกจากปากให้ได้
"ตอบ.. ตอบฉันมาเถอะ" เขาพูด และผมเห็นว่าเขาเกือบจะร้องไห้แล้ว ผมเห็นเขาร้องไห้และบันดาลโทสะหลายต่อหลายครั้งตลอดหลายปีมานี้ "ฉันแค่อยากรู้ว่ามันเรื่องจริงหรือเปล่า นายเคยพูดว่าเธอเซ็กซี่ตลอดเลยตอนฉันกับเจสเพิ่งเริ่มคบกัน"
ผมพยายามกัดลิ้นตัวเองจนได้รสเลือด แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก ผมต้องตอบคำถามนั่น ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไงก็ตาม
"เจสไม่ใช่ผู้หญิงดี" ผมบอกเขา "เธอไม่สนใจลูกๆ นาย แถมยังทำอย่างกับนายเป็นตู้เอทีเอ็ม สาบานได้เธอนอกใจนายแน่ แต่คนๆ นั้นไม่ใช่ฉัน"
ทุกคนเงียบสนิทอยู่สองวินาที ก่อนพอลเดินเข้ามากอดผมอายๆ
"โทษทีว่ะเพื่อน" เขาพูด "ฉันน่าจะรู้ว่านายไม่มีวันหักหลังฉันแน่ แม่งเอ้ย ฉันขอโทษนะเพื่อน พวกนายอยากเล่นเกมคลาสสิกกันป่าววะ?.. ฉัน.. ฉันขอโทษ ฉัน.."
พอลเอื้อมมือไปทางตู้วางทีวีเพื่อควานหาคอนโซลเกม
"ฉันเป็นฆาตกรต่อเนื่อง" เสิร์จพูด "นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันพูดออกมาดังๆ ฉันคงไม่แน่ใจว่าตัวเองเท่าไหร่ว่าเป็นอะไรกันแน่ ฉันไม่มีวิธีเฉพาะเจาะจงแต่ฆ่าคนมาตั้งแต่สมัยมัธยม แค่คอยมองหาโอากาส อย่างชายคนแรกที่ฉันฆ่า เขากำลังยืนชมวิวภูเขาอยู่ แล้วฉันผลักเขาตกหน้าผา และฉันรู้สึกเหมือนร่างกายฉันปลดปล่อยความสงบสุขภายในตัวสองสามนาทีหลังจากนั้น มันเป็นความสงบในแบบที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อน"
พอลกับผมจ้องเขาตาไม่กระพริบ พยายามแปลความหมายของสิ่งที่เขาพูด
"นายพูดเล่นใช่มั้ย" ผมพูด "บอกพวกเรามาเดี๋ยวนี้เลยว่านายล้อเล่น"
"ตอนเข้าฝึกทหารเกณฑ์ ฉันคิดว่าบางทีฉันอาจใช้มันให้เป็นประโยชน์ อย่างฆ่าคนเลวแล้วรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่เกิดอะไรขึ้นรู้มั้ย กลายเป็นว่าฉันต้องไปประจำการในทะเลทรายที่โครตว่างเปล่า ไม่มีใครเลย ฉันเลยต้องฆ่าคนที่โบกรถแถวนั้นและทหารรุ่นน้องอีกสองคน"
ขณะพูด เขาดึงเอามีดล่าสัตว์ออกมา ผมจำได้ว่าตอนเขาซื้อมีดเล่มนั้นผมล้อเลียนเขา เรียกเขาว่าไอ้นินจา ตอนนี้ผมได้แต่สงสัยว่าเขาฆ่าไปแล้วกี่คนด้วยมีดเล่มนั้น ใจผมเต้นเสียงดังในหู ผมมองรอบห้องพยายามหาอะไรมาเป็นอาวุธป้องกันตัวเอง แต่เห็นแค่เกม XBox กับแก้วไวน์
"ตอนนี้มันยิ่งแย่กว่าเก่า" เขาพูดสายตาเย็นชา มีดในมือกวัดแกว่งไปมา "มันเหมือนทุกครั้งที่อยู่กับใครสองคนฉันจะคิดตลอดว่ามันง่ายแค่ไหนที่จะบีบคอคนๆ นั้นให้ตายคามือ ฉันหิ้วผู้หญิงจากบาร์กลับบ้านบ่อยๆ และเริ่มสงสัยว่าจะมีใครในบาร์จำหน้าฉันได้บ้างหรือเปล่าถ้าตำรวจสอบปากคำพวกเขา"
"ฉันกลัว.." พอลพูด "ตอนนี้ฉันโครตกลัวเลย"
"นายควรกลัว" เสิร์จพูดพยายามไม่มองตาเขา "นายไม่น่าให้ยานั่นกับฉันเลยพอล ตอนนี้ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะทำยังไงดี ฉันรู้สึกเหมือนทั้งชีวิตฉันมันจบลงแล้ว ฉันไม่อยากต้องฆ่าคนที่ฉันรู้จัก เพราะแบบนั้นฉันจะโดนตำรวจจับได้ง่ายๆ และพวกนายก็เป็นเพื่อนรักฉัน เป็นคนสองคนในโลกที่ฉันแคร์จริงๆ"
"ฉันเป็นพวกเก็บความลับไม่อยู่" พอลพูดอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ "ฉันจะโทรแจ้งตำรวจทันทีที่ออกไปจากที่นี่ นายก็รู้ว่าฉันเป็นคนแบบนั้น"
"ฉันรู้" เสิร์จพูด
ตอนนั้นเอง พอลหยิบแก้วไวน์แล้วพยายามกระแทกมันใส่หัวเสิร์จ แต่พลาดเป้าล้มแผละลงบนโซฟา ผมเกือบหัวเราะออกมา แต่พอก้มดูผมเห็นมีดเสียบคาอยู่ที่หัวพอล เสิร์จแทงพอลเข้าที่ขมับอย่างจัง
เสิร์จดึงมีดออกด้วยการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพียงครั้งเดียวขณะร่างของพอลกระตุกแรงๆ อยู่บนพื้น เสิร์จเริ่มร้องไห้ขณะเขาเช็ดเลือดจากมีดด้วยเสื้อของเขา
"ดูสิว่านายทำให้ฉันต้องทำอะไรลงไป" เขาพูดพลางก้มมองพอล "ไอ้งั่งเอ้ย ฉันน่าจะรู้ว่านายจะพยายามทำอะไรแบบนี้" จากนั้นเขาเหลือบมามองผมด้วยน้ำตาอาบแก้ม "ตอนนี้เอาไงต่อดี?" เขาถาม
"ฉันตายไม่ได้" ผมพูด "คิดถึงลูกๆ ของฉันสิ"
"ฉันรู้" เขาพูด "ฉันรู้ แต่ยังไงฉันก็ต้องฆ่านาย ฉันต้องทำ"
เขาก้าวเข้ามาใกล้ ผมก้มลงมองพอลอีกครั้งและเห็นแววชิวิตที่เหลืออยู่เพียงริบหรี่เต็มทีในดวงตาของพอล ขณะเสิร์จกำลังจะก้าวข้ามพอลมาหาผม พอลคว้าเท้าเขาไว้และเสิร์จสะดุดล้ม
"หนีไป" พอลทำปากพูด
และผมทำตามที่เขาบอก ผมวิ่งออกประตูหน้าแล้วเลยเข้าสู่ถนนมืด หูได้ยินเสียงเสิร์จตะโกนตามหลัง "ฉันจะฆ่าแก!"
----
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปแล้วหลังเกิดเรื่อง ผมเพิ่งกลับมาจากงานศพพอล ตลอดเวลาที่นั่น ผมระแวงและมองหลังตลอด รอให้เสิร์จโผล่มา บางทีเขาอาจจะอยู่ที่นั่นแต่ผมไม่เห็นเขาก็ได้
ทุกคืน ผมเช็กล็อกที่ประตูเป็นสิบครั้งและคอยดูจอภาพจากกล้องวงจรปิดในมือถือ ทุกอย่างดูจะเป็นไปด้วยดี
ตามที่เสิร์จบอกพวกเราคืนนั้น เขาคงไม่คิดเสี่ยงทำอะไรบ้าๆ เขาเรียกตัวเองว่าพวกที่มองหาโอกาส แต่บางทีนั่นอาจเป็นสิ่งที่ผมกลัวที่สุด เพราะตอนเขาตะโกนไล่หลังผมวันนั้นว่าเขาจะฆ่าผม เซรั่มพูดความจริงยังคงทำงานอยู่ แสดงว่าเขาพูดความจริง
และผมรู้ว่าวันหนึ่ง ผมอาจจะยืนอยู่ริมถนนรอให้รถบัสหรือแท็กซี่มารับ และอยู่ๆ จะรู้สึกโดนผลักอย่างแรงจากข้างหลัง ผลักผมไปสู่ความตายข้างหน้า
ทุกครั้งที่ผมคิดถึงมันตอนกลางคืน ผมจะลุกขึ้นนั่งเหงื่อแตกซิกอยู่บนเตียงมือกอดเข่าไว้แน่น และเมียผมพยายามจะกอดและบอกผมว่าทุกอย่างจะไม่เป็นไร เธอจะใช้มือลูบหัวผมเบาๆ และพูดว่า "ตำรวจจะจับเขาได้แน่ที่รัก คุณจะอยู่ที่นี่กับฉันไปอีกนานแสนนานเลย พวกเรายังต้องไปร่วมงานวันจบมัธยมของลูก ต้องจ่ายค่าจัดงานแต่งงานของลูกๆ แถมยังต้องรอเจอหลานๆ อีก คุณจะไม่ไปไหนหรอก ไม่ตายง่ายๆ แน่"
และผมรู้ว่าเธอโกหก...
**** จบบริบูรณ์ ****
0 ความคิดเห็น