สองสามปีก่อน เกิดเรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิตผม
พ่อผมถูกรถชนเสียชีวิตที่ทางม้าลาย คู่หมั้นทิ้งผมไป แถมผมต้องถูกไล่ออกจากงานและต้องย้ายไปอยู่ชานเมืองเพราะอัตราค่าเช่าบ้านในเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นกะทันหัน
โชคยังดีที่ผมมีจาเรตเพื่อนผมที่ทำงานอยู่ในเรือนจำ เขาบอกผมว่าตอนนี้เรือนจำกำลังเปิดรับเจ้าหน้าที่กะกลางคืนเพิ่ม ค่าจ้างก็ดีด้วย จะมีช่วงโปรสองอาทิตย์เพื่อเรียนรู้งานซึ่งพวกเขาจะจ่ายค่าแรงให้ด้วย ในสถานการณ์ตอนนี้ ผมจะปฏิเสธได้ยังไงกัน
ผมเริ่มงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ทอมสกอก รัฐมินนิโซตา ผมได้รับเครื่องแบบ ได้พบเหล่านักโทษ ทำความคุ้นเคยกับกิจวัตรต่างๆ ของงาน และได้เรียนรู้ว่าต้องจับตามองใครเป็นพิเศษบ้างเวลาอยู่ในหน้าที่ ผมได้ยิงปืนช็อตไฟฟ้าครั้งแรกหลังจากทำงานได้สามอาทิตย์ แต่นั่นแค่ครั้งเดียว นอกเหนือจากนั้นส่วนมากแล้วไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แค่เข้ากะและรอดูเผื่อมีอะไรเกิดขึ้น หรือคอยห้ามนักโทษไม่ให้คุยกันเสียงดังเกินไปหรือทะเลาะกันเท่านั้นเอง
ในเดือนธันวาคม ปี 2021 ผมได้รับมอบหมายหน้าที่ใหม่ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่ทำงานในส่วนของนักโทษขังเดี่ยวต้องปลดประจำการเพราะปัญหาด้านสุขภาพ ผมเลยได้รับทำหน้าที่แทนเขา มันยังคงเป็นงานกะกลางคืน แต่เป็นการทำงานในส่วนของเรือนจำที่ค่อนข้างจะไม่เหมือนส่วนอื่นคือนักโทษขังเดี่ยว
ผมจะไม่พูดถึงสถานที่นี่ให้น่ากลัวเกินความเป็นจริงนะ ที่จริงมันก็แค่สถานที่สำหรับนักโทษพวกที่อยู่กันลำพัง มีกันอยู่ไม่กี่คนเอง สักสิบถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของนักโทษทั้งหมด
แต่จะต้องมีเจ้าหน้าที่อยู่ที่นั่นตลอดเวลา เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเมื่อไหร่
-------
มีนักโทษคนหนึ่งในคุกสุดทางเดินที่ทำผมขนลุก จนท. คนอื่นเรียกเขาว่า "เมอรี่" เขามักทำไฟในคุกของตัวเองแตกเสมอ ว่ากันว่าเขามีนิสัยใช้ความรุนแรงและต้องถูกใส่กุญแจมือแม้แต่ในคุกขังเดี่ยว ทุกครั้งที่ถึงเวลาอาหาร เขาต้องยื่นมือออกมานอกช่องเปิดในประตูเพื่อให้จนท. ปลดกุญแจมือออก พอกินเสร็จก็ใส่กุญแจมือกลับอีกครั้ง และเพราะคุกของเขามืดสนิทตลอดเวลา ส่วนเดียวของเขาที่ผมเคยได้เห็นคือมือ
เขาเคยเป็นอาจารย์ เมอรี่เรียนจบสูงได้ปริญญาเอกสามใบ แต่อยู่มาวันหนึ่ง เขาเกิดคลั่งขึ้นมาและฆาตกรรมเด็กนักเรียนของเขาเองสามคนพร้อมๆ กัน มือของเขามีรอยเหมือนถูกสารเคมีกัดจนสีผิวเปลี่ยน อาจจะเป็นพิษของแร่เงินละมั้งนะ.. นักโทษส่วนมากมีตราประทับบนไฟล์ของพวกเขา แต่เมอรี่เป็นคนเดียวที่มีรูปดอกทานตะวันบนไฟล์
เขาไม่ยอมกินอะไรในช่วงกลางวัน ผมเลยต้องเป็นคนเอาอาหารไปส่งให้เขาในกะดึก ทุกครั้ง ผมเห็นมือสีฟ้าซีดตะปุ่มตะป่ำยื่นออกมารับถาดอาหาร
คืนหนึ่ง อาหารมื้อค่ำเป็นสตูว์เนื้อกลิ่นหอมเอาเรื่อง ผมเอามันไปให้เขาพร้อมขนมปังเป็นเครื่องเคียง เจลลี่เป็นของหวานและน้ำดื่ม นักโทษคนอื่นพากันหลับหมดแล้ว ยกเว้นนักโทษใหม่ที่เอาแต่ร้องไห้ที่คุกสุดทางเดิน
"มือ" ผมพูด
นิ้วเรียวยาวค่อยๆ โผล่ผ่านช่องเล็กๆ ออกมา โซ่กุญแจมือส่งเสียงดัง ผมวางถาดอาหารลงกับพื้น หยิบกุญแจจากกระเป๋าแล้วปลดล็อก
"นายจะปล่อยฉันออกไปจากที่นี่" เมอรี่พูด "ฉันต้องออกไปจากที่นี่ เพราะงั้นนายจะปล่อยฉันออกไป"
"จะไม่ฝันหวานไปหน่อยเหรอพวก" ผมพูด ปลดล็อกเสร็จแล้วก้มลงหยิบถาดอาหาร เขารับถาดไปแต่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
"นายจะปล่อยฉัน" เขาพูดน้ำเสียงจริงจัง "มันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว"
"ไม่เห็นมีใครในออฟฟิศบอกฉันเรื่องนี้เลย" ผมพูดกลั้วหัวเราะ "นายโอเคดีหรือเปล่า?"
"ใครบางคนบอกว่ามีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับนาย" เมอรี่พูด "นายถึงได้มาทำงานที่นี่"
"แหม.. นั่นมันก็เหตุผลเดียวกันสำหรับเราทั้งคู่ล่ะนะ กินให้อร่อยล่ะ"
ผมเดินจากมา แต่ก็อดหันกลับไปมองไม่ได้ขณะนิ้วเรียวค่อยๆ เลื่อนกลับเข้าสู่ความมืด มันทำผมขนลุกทุกครั้ง
-------
คืนต่อมามื้อเย็นเป็นปลาแท่ง ไม่แย่นักแต่ก็ไม่สดเท่าไหร่ คืนนั้นมีนักโทษอยู่ส่วนขังเดี่ยวแค่สามคน สองคนพยายามฆ่ากันเอง และเมอรี่
เมอรี่อยู่ที่นี่เสมอ
พอผมเข้าใกล้ สองมือสีฟ้าซีดยื่นออกมา ผมต้องเบือนหน้ามองทางอื่น อะไรบางอย่างเกี่ยวกับผิวสัมผัสของมือนั่นทำผมรู้สึกไม่ดี มันออกจะลื่นๆ เหมือนถูกเคลือบด้วยสบู่
"นายจะปล่อยฉันออกไปจากที่นี่ มันถูกกำหนดเอาไว้แล้ว" เขาพูด
"นายพูดแบบนี้ตลอด แต่ประตูนี่มันก็ยังแข็งแรงดีเหมือนเมื่อวานนั่นล่ะนะ" ผมตอบ
"ถ้านายเข้ามาในนี้ นายจะเห็นว่าทำไมนายถึงจะต้องปล่อยฉันออกไปจากที่นี่"
"จะให้ฉันเปิดประตูนี่โดยไม่มีแบ็คอัพเนี่ยนะ? แน่ละว่านายอาจจะหลุดออกไปได้"
"มันไม่ใช่อย่างนั้น" เขาพูดเงียบๆ
ผมปลดล็อกกุญแจมือให้และเขารับถาดอาหารไป มือของเขาหายไปในความมืดข้างใน แต่เมอรี่ยังคงพูดต่อ "การที่นายอยู่ที่นี่มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าฉันทำสำเร็จ" เขาพูด "มันเป็นบทพิสูจน์ว่าฉันจะได้ออกไปจากที่นี่"
"ฉันไม่เข้าใจ"
"พวกเขาบอกฉันว่านายเพิ่งเสียหลายๆ อย่างไป ทั้งพ่อ แฟนสาว และอะพาร์ตเม้นต์"
มันเหมือนมีพิษในคำพูดเขา มันบาดลึก พูดตามตรงว่าตอนนั้นผมอยากหักนิ้วเขาให้หักคามือเลย แต่การที่เขารู้รายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตผมทำเอาผมเครียด เขาไปได้ยินมาจากไหนกัน? ไม่มีใครที่นี่คุยกับเขา และตามกฎแล้ว จนท. ห้ามพูดคุยเรื่องส่วนตัวกับนักโทษเด็ดขาด
"นั่นมันเรื่องส่วนตัว" ผมพูด "ไม่ใช่กงการอะไรของนาย"
"งั้นทำไมฉันถึงรู้ว่าพ่อนายถูกรถโคโรลล่าสีขาวชนตายล่ะ?"
ผมทุบประตูดังโครม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม มันแค่การตอบสนองโดยสัญชาตญาณเพื่อให้เขาหยุดพูด แต่นั่นแค่ทำให้เขาหัวเราะ เขารู้ได้ยังไง? พ่อผมถูกชนแล้วหนี และสีของรถก็เป็นรายละเอียดที่มีแต่ตำรวจและผมเท่านั้นที่รู้
"ไม่ตลกนะ" ผมพูดเสียงแข็ง "และการทำตัวเหมือนไอ้ลูกไม่มีพ่อก็ไม่ทำให้นายมีเพื่อนเพิ่มขึ้นหรอก!"
"ฉันไม่สนหรอก" เขาพูดต่อ "ยังไงซะ นายก็จะปล่อยฉันออกไปจากที่นี่อยู่ดี"
"ฉันโครตชัวร์เลยว่าไม่มีวันหรอกว่ะ" ผมดึงถาดคืนก่อนเขาจะกินเสร็จ จากนั้นใส่กุญแจมือกลับ เขาไม่ได้ขัดขืน ผมทำเขาเงียบได้สักพัก แต่นั่นมันแค่ชัยชนะเล็กนิดเดียว
------
ผมขอย้ายไปอยู่กะอื่น แต่ตอนนี้ไม่มีใครว่างมาทำหน้าที่แทนผมเลย...
ผมไม่อยากกลับไปหาเมอรี่ ไม่รู้ว่าใครที่บอกเขาเรื่องของผมและผมไม่ชอบสิ่งที่เขาพูด ผมเช็กแล้วเช็กอีก และเขาพูดถูกเรื่องรถโคโรลล่าสีขาว วันนั้นมันวิ่ง 60 ไมล์บนถนนที่จำกัดความเร็วที่ 30 ไมล์ต่อชั่วโมง พ่อผมตายคาที่ก่อนมันวิ่งหายไปตามถนนลูกรัง
ตำรวจบอกว่ามันเหมือนเป็นการจงใจเพราะมันวิ่งเร็วเกินกว่าจะเป็นแค่อุบัติเหตุ
และในตาจิตของผม ผมเห็นมือสีฟ้าซีดบนพวงมาลัยรถคันนั้น...
--------
ตอนผมเดินไปที่ห้องขังของเมอรี่พร้อมถาดอาหารในมือ (มีทบอลกับมันฝรั่งบด) ผมกลัวจริงๆ ว่าเขาจะพูดอะไรออกมาอีก ทุกคำพูดของเขาฟังดูเหมือนคำขู่ เขาจะสามารถพูดอะไรที่ทำให้ผมเปิดประตูห้องขังเขาได้จริงๆ หรือเปล่านะ? ถ้าเขาทำได้จริงๆ ล่ะ? เขาจะพูดอะไร?
"ยื่นมือมา" ผมพูดพลางเคาะประตู
"คืนนี้นายจะไม่ปล่อยฉันออกไปหรอก" เขาถอนใจ "ฉันรู้ดี แต่มันจะเกิดขึ้นอยู่ดี"
"โอเคๆ" ผมยักไหล่
"พวกเขาไม่ได้บอกนายเหรอว่าฉันทำอะไร? ทำได้ยังไง?" เขาถาม
"ฉันว่าฉันพอเดาออก" ผมพูดเรื่อยๆ
"ฮีเลียม ยาพิษน่ะ ขาดอากาศแบบไม่เจ็บปวด พวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย"
ผมไม่ได้พูดอะไร แค่ปลดล็อกกุญแจมือแล้วเอาถาดอาหารส่งให้ "ฉันไม่ใช่คนโหดร้ายหรอกนะ" เขาพูดต่อ "แค่ทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำเท่านั้นเอง"
"กินเสร็จแล้วก็ทิ้งถาดไว้นะ" ผมพูดขณะออกเดินจากมา
"บางทีนายน่าจะถามอดีตคู่หมั้นนายเกี่ยวกับ "เบเวอลี" นะ!" เขาตะโกนตามหลังผ่านช่องประตู ผมแทบจะนึกภาพปากเขาขยับได้ "ฉันแน่ใจว่านายจะได้บทสนทนาที่น่าสนใจน่าดูเลยล่ะ"
-------
ผมไม่อยากทำ ไม่อยากพูดถึงมัน และไม่อยากคิดถึงมัน
แต่ให้ตายสิ มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ
ตอนผมกับคู่หมั้นทะเลาะกันครั้งล่าสุด เธอตะโกนชื่อนั้นใส่ผม.. "เบเวอลี" ผมเองไม่เคยรู้จักใครที่ชื่อเบเวอลีมาก่อน และในตอนนั้นผมไม่ได้แคร์มากนัก แต่มันช่างเป็นชื่อที่เฉพาะเจาะจง โอกาสที่เมอรี่จะสุ่มเลือกชื่อนั้นขึ้นมาเพื่อเรียกความสนใจผมมัน... มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะงั้นวันต่อมา ก่อนเริ่มงานกะดึก ผมตัดสินใจโทรหาอดีตคู่หมั้น
เธอรับสายน้ำเสียงเย็นชา เราทักทายกันตามมารยาท จากนั้นเธอถาม "โทรมามีอะไรหรือเปล่า?"
"ผมอยากคุยกับคุณเรื่องเบเวอลี" ผมเริ่ม "คุณเคยพูดชื่อนั้นมาก่อน"
"อะไรกัน จะแต่งงานแล้วหรือไง? เลยอยากขอขมาใช่มั้ยล่ะ?"
"เปล่า ผม- ว่าไงนะ?"
"คุณอยากให้ฉันยกโทษให้ใช่มั้ยล่ะ? ปล่อยให้คุณไปแต่งกับนังนั่นอย่างสบายใจ"
" คุณพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย?"
คู่หมั้นผมเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นพูดเสียงเย้ยหยัน
"ก็นังอีตัวที่คุณแอบคบไง!"
" ผมไม่เคยแอบคบใครที่ชื่อเบเวอลีเลยนะ"
"อย่าโกหกหน่อยเลย ฉันเห็นอีเมลคุณ วิดีโอของนังนั่น"
" ฟังนะ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไร-... ผมไม่เคยรู้จักเบเวอลีไหนทั้งนั้น"
เธอตะโกนชื่อยูเซอร์เนมอินสตาแกรมของเบเวอลีแล้วตัดสาย
-------
ผมลองเช็กดูออนไลน์ เบเวอลีดูเหมือนเด็กกว่าผมไม่ต่ำกว่าแปดปีและสวยสดบาดตา บัญชีของเธอเพิ่งเปิดใช้เมื่อสองเดือนที่แล้ว เธอโพสต์คอนเท้นเกี่ยวกับชีวิตของมือที่สาม, แฟชั่น และอื่นๆ
คู่หมั้นผมคิดว่าผมแอบคบกับเธอคนนี้เนี่ยนะ? นั่นมันไร้เหตุผลสิ้นดี
แล้วเมอรี่รู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน?...
-------
เรื่องนี้ตามหลอกหลอนผมไม่หยุด ผมไม่รู้ว่าจะคิดยังไงและเหมือนความคิดผมย้อนกลับไปหาเมอรี่กับมือสีฟ้าของเขาตลอดเวลา ผมรู้สึกเหมือนเขาอยู่กับผม กำลังมองดูผม ผมรู้สึกเหมือนผมพลาดข้อมูลสำคัญบางอย่าง เหมือนมือลื่นๆ พิลึกพิลั่นสีฟ้าซีดยื่นมากำรอบลำคอผมช้าๆ ทุกครั้งที่ผมใจลอยคิดเรื่องต่างๆ ในหัว ผมรู้สึกได้ถึงตัวตนของเขานั่งอยู่บนเบาะหลังในรถ นั่งไปทุกที่กับผมด้วย
และพอรถจอดที่ป้ายจอด ผมได้ยินเสียงเขาชัดเจนดังมาจากเบาะหลัง
"นายจะปล่อยฉันออกไปจากที่นี่"
แต่ไม่มีใครอยู่ที่นั่น
-------
คราวต่อมาตอนกลับไปหาเมอรี่ผมไม่ได้เอาถาดอาหารไปด้วย เราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง ผมดื่มกาแฟเสร็จแล้วเดินอาดๆ ไปทางห้องขังเมอรี่ไม่ใส่ใจนักโทษคนอื่น เมอรี่ต้องอธิบายให้ผมฟัง ผมกลัวสิ่งที่เขาจะพูดออกมาสุดใจแต่ผมต้องรู้ให้ได้
"นายจะต้องบอกฉันมาเดี๋ยวนี้ว่านายรู้อะไร" ผมพูด "ฉันกินกาแฟดำมาแล้วพร้อมจะอยู่ที่นี่ทั้งคืนและฉันหักแขนนายแน่ถ้าไม่เปิดปากพูด"
"ปล่อยฉันออกไปซะ และทุกอย่างจะชัดเจนในตัวของมันเอง" เมอรี่พูดกลั้วหัวเราะ "ฉันพูดจริงน่า ณ จุดนี้ทุกอย่างมันเขียนไว้บนฝาผนังหมดแล้ว"
ผมฟาดตะบองกับประตู
" หยุดเล่นเกมได้แล้ว!"
" เข้ามาเลย! มาตีฉันให้ตายเลย! เปิด-ประ-ตู!"
ผมใจเย็นลง บางทีนี่อาจเป็นวิธีที่เขาพยายามหลอกให้ผมเปิดประตูให้ ไม่มีทางที่มันจะได้ผลแน่
"กะนายเริ่มตอนสี่ทุ่มสิบห้านาที" เมอรี่พูด "นายกินกาแฟดำไม่ใส่นมไม่ใส่น้ำตาล และนายมาที่นี่เป็นอย่างแรกหลังเริ่มกะ เดี๋ยวนะ"
ผมได้ยินเสียงเขาขยับออกห่างจากประตู มีเสียงแปลกเหมือนเสียงขูดอะไรสักอย่างอยู่แบบนั้นเกือบเต็มนาที ผมฟังเงียบๆ พยายามคิดว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ผมลองส่องไฟฉายเข้าไปดูข้างใน แต่เขาเอาผ้ามาปิดช่องส่งอาหารเอาไว้ จากข้างนอกนี่ผมมองไม่เห็นอะไรเลย
"โอเค ฉันพูดถึงพ่อนายและนายตอบสนอง จากนั้นเบเวอลี นั่นก็ได้ผลด้วย อะไรทำให้นายต้องเสียงานเก่าไปนะ..? เอ่อ.. น่าจะผลการตรวจหายาเสพติดเป็นบวกสินะ? ใช่แล้ว.. น่าจะใช่แล้วล่ะ"
"พูดบ้าอะไรน่ะ?"
"และนายไม่ใช้สิ่งเสพติด อาจจะเป็นผลตรวจที่ผิดพลาด อาจจะเพราะเบเกอรี่เช้าวันนั้นใส่เมล็ดป็อบปี้มากไปหน่อยละมั้งนะ? เพราะเมล็ดพวกนี้ทำให้ผลออตรวจออกมาผิดได้"
ผมยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้น เช้าวันที่ผมต้องตรวจสิ่งเสพติดที่ทำงานเก่า ผมกินขนมที่มีเมล็ดป๊อบปี้เข้าไปสามชิ้น เพราะร้านเบเกอรี่ใกล้บ้านทำโปรแจกขนมฟรี
ท้องผมขมวดเป็นปมแน่น มันอย่างกับว่าเขารู้เรื่องราวเกี่ยวกับผมมากกว่าตัวผมเองเสียอีก ผมรู้สึกเหมือนเขากำลังจะบอกบางอย่างที่เลวร้ายกับผม เหมือนเขากำลังยืนอยู่ข้างหลังผม ดอมดมกลิ่นความหวาดกลัวของผม
เรื่องพวกนั้นพานายมาที่นี่ แต่ใครช่วยนาย? อันนั้นไว้ฉันค่อยคิดทีหลัง บางทีนายอาจจะรู้จักใครบางคน" เขาพูดต่อ
"หุบปาก!" ผมพูด มือทุบประตูดังโครม "กูบอกให้หุบปาก!"
ผมเหลียวไปมองข้างหลัง ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ทำไมถึงรู้สึกเหมือนถูกจ้องมองอยู่นะ?
"ใจเย็น" เมอรี่พูด "พวกเรากำลังจะไปถึงจุดจบของเรื่องนี้แล้ว นายจะปล่อยฉันออกไปจากที่นี่"
"ไม่มีทาง" ผมตะคอก "มึงจะเน่าตายอยู่ในนี้แหละ"
"ไม่เข้าใจหรือไง?! เขาตะคอกกลับ "ความจริงที่ว่านายมาทำงานที่นี่มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าฉันพูดถูก!"
"ยังไงกัน!? นั่นมันไม่สมเหตุผลเอาเลย!"
และเขาบอกผมทุกอย่าง..
เมอรี่ หรือเมอริเดียนได้รับโอกาสบางอย่าง ถ้าเขาติดตามและทำตามสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจงมากๆ ตามที่กำหนด เขาจะได้รับอำนาจแสนวิเศษ
"มันไม่เมคเซนส์" เขาพูด "แต่ฉันต้องปลีกวิเวกให้มากที่สุด พูดง่ายๆ คือต้องเปลี่ยนตัวเองให้บ้ามากพอให้ความเป็นจริงไม่เมคเซนส์อีกต่อไป"
ด้วยความคิดนี้ เขาฆ่านักเรียนของตัวเองสามคน จากนั้นเผาตัวเองด้วยสารเคมี เพื่อให้ตัวเองถูกจับขังคุก
"หลายปีแห่งความมืดมิด" เขาพูดต่อ "แยกตัวออกมาจากทุกอย่าง เหมือนลอยอยู่ในถังจำกัดสัมผัสความรู้สึก ฉันต้องทำแบบนั้น ฉัน "อยาก" จะทำแบบนั้น และตอนนี้ฉันทำสำเร็จแล้ว"
"แล้วนายทำทั้งหมดนั่นลงไปเพื่ออะไร?"
เพื่อให้ได้รับการปลดปล่อย อิสระ ไม่เจ็บปวด ไร้ซึ่งกฎใดๆ ยืดหยุ่นและลื่นไหล และการที่นายยืนอยู่ที่นี่ตอนนี้ก็เป็นข้อพิสูจน์ว่ามันจะได้ผล"
"หมายความว่าไง?"
"ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?" เขาพูด มือสีฟ้าซีดโผล่ออกมาจากช่องเปิดในประตูแล้วชี้มาที่ผม
"ฉันเป็นคนทำมันเอง ฉันทำให้นายมาที่นี่ และวันหนึ่งนายจะปล่อยฉันออกไป เพราะถ้านายไม่ปล่อย ฉันจะไม่ได้พานายมาที่นี่ และเวลานั้นมันใกล้เข้ามาแล้ว ความมืดในนี้ไม่จำเป็นสำหรับฉันอีกต่อไปแล้ว ฉันรู้สึกได้ มันเสร็จสมบูรณ์แล้ว"
"เป็นไปไม่ได้" ผมพูด "นั่นมันเป็นไปไม่ได้.."
"งั้นทำไมนายถึงทรุดลงนั่งกับพื้นล่ะ? ง่วงหรือไง?"
ผมไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำ ผมสัปหงก พยายามเอามือแตะหน้าตัวเองเพื่อดูว่ารู้สึกอะไรบ้างหรือเปล่า
"นี่... นี่นาย-"
"ใช่แล้ว" เมอรี่พูด "ฉันวางยานาย ฉันคงทำไม่ได้ถ้านายไม่ได้บอกฉันเรื่องกาแฟดำ แต่เพราะนายพูดถึงมันมันฉันถึงวางยานายได้ มันอยู่ในรายการทั้งหมด และทุกอย่างในรายการจะต้องเกิดขึ้น"
"ฉันไม่.. ฉันไม่เข้าใจ"
"ลองนึกภาพว่านายเดินทางผ่านเวลาได้" เขาพูด "ไม่ใช่วันนี้ แต่ในวันใดวันหนึ่ง และนายสัญญากับตัวเองว่าจะวางดอกกุหลาบไว้หน้าบ้านนายในวันนี้ ณ เวลานี้เลย และพอนายเปิดประตูบ้าน กุหลาบดอกนั้นมันอยู่หน้าบ้านนายจริงๆ นั่นเป็นตอนที่นายรู้ว่าจะได้รับอำนาจวิเศษนั้น นายรู้ว่าวันหนึ่งนายจะมาที่นี่ จากนั้นทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของนายแล้วที่จะพยายามจำทุกอย่างที่นายวางแผนจะทำให้ได้อย่างถูกขั้นตอน"
"นั่นมันไม่.. ฉัน-"
ภาพมือสีฟ้าซีดบนพวงมาลัยรถโคโรลาสีขาวผุดขึ้นในหัว, ภาพชายคนหนึ่งจ่ายเงินจ้างร้านเบเกอรี่ให้จัดโปรเพื่อโปรโมทขนม, และภาพหญิงสาวถูกจ้างให้แสดงตัวเป็นคนรักปลอมๆ โดยชายคนหนึ่งทางอินเตอร์เน็ต
ผมสลบหมดสติไปตอนนั้น..
-------
ผมฟื้นขึ้นมาในห้องพนักงานโดยมีพยาบาลคนนึงกำลังใช้ไฟฉายส่องตาผมอยู่ พวกเขาตรวจร่างกายผมตามขั้นตอนจากนั้นส่งตัวผมกลับไปพักผ่อนต่อที่บ้าน ผมได้หยุดอยู่บ้านสองสามวัน
ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี ผมมีกุญแจและเมอรี่ยังคงอยู่ในคุก ถ้าผมจะเป็นคนปล่อยเขาออกมาจริงๆ ผมแค่ต้องอยู่ให้ห่างจากเขาเข้าไว้ นั่นจะทำลายแผนของเขา เพราะงั้น การได้หยุดงานสักพักก็ดีเหมือนกัน
ตอนผมกำลังจะกลับบ้าน เจอเรตวิ่งมาหาที่ลานจอดรถ
"ฟังนะ ฉันรู้ว่านายไม่ชอบกะดึก ไม่ต้องห่วงนะ พวกเขาบอกว่าจะย้ายเมอรี่ไปที่อื่น ฉันได้ยินมาว่านายไม่ต้องทำกะดึกแล้ว"
"ว่าไงนะ?"
"พวกเราได้ยินมาว่าหมอนั่นปั่นหัวนายไม่หยุด" เจอเรตพูด "เลยตัดสินใจว่าจะย้ายมันไปที่อื่น พวกเขาอยากให้นายสบายใจ"
เขาตบบ่าผมเบาๆ ก่อนเดินจากไป
ผมขึ้นรถแล้วสูดหายใจลึก มีกลิ่นสารเคมีแปลกจางๆ และสังเกตเห็นจดหมายบนเบาะข้างคนขับ.. ผมหายใจลึกก่อนเปิดอ่าน
เนื้อความจดหมาย: "ขอบใจที่ช่วยนะ เงินนี้ถือเป็นคำขอบคุณ :)" พร้อมแบงค์ร้อยเหรียญสอดอยู่
ผมจ้องมันในมือ เขาอยู่ข้างนอกนั่นที่ไหนสักแห่งจ้องมืองผมอยู่จากมุมมืด ยังไงเขาก็จะต้องออกมาจากคุกนั่นแน่
ผมรู้ว่าเขาอยู่รอบตัวผม เป็นอิสระ เขาจะแทงผมให้ตายตอนนี้เลยก็ได้ เขาอยู่ที่นี่และไม่อยู่ที่นี่ในเวลาเดียวกัน และผมช่วยอะไรตัวเองไม่ได้เลย ผมหวาดระแวงรุนแรงและไม่รู้จะรับมือกับมันยังไง
นี่เป็นความผิดของผมเอง ผมปล่อยให้เขาปฏิบัติกับผมราวกับเป็นคนไร้ค่า และด้วยเหตุผลนั้น พวกเขาจะย้ายเมอรี่ไปที่อื่น และระหว่างการย้ายนั่น เมอรี่จะหลุดออกไปได้ เขาคงวางแผนเรื่องนี้ไว้แล้วและผมทำอะไรไม่ได้เลย
ผมมองธนบัตรร้อยเหรียญในมืออีกครั้งและนึกอะไรขึ้นมาได้..
ที่จริงมีบางอย่างที่ผมทำได้
ผมขับไปที่ปั้มน้ำมันที่ใกล้ที่สุด
-------
วันต่อมาผมกลับมาที่ทำงานพร้อมกระเป๋าเป้ ผมแสดงบัตรประจำตัวแล้วบอกจนท. เฝ้าประตูว่าผมแวะมาเอาของในล็อกเกอร์ แน่นอนว่าเขาปล่อยให้ผมเข้าข้างใน เรารู้จักกันดี
ผมเดินเข้าที่ทำงานในกะกลางวันพลางโบกมือให้จนท. คนอื่น พวกเขาบางคนถามว่าผมเป็นยังไงบ้าง เราคุยกันนิดหน่อยตามประสาคนรู้จัก ไม่มีใครสงสัยอะไร
จะมีการย้ายนักโทษในตอนบ่ายของวัน..
ผมใช้กุญแจผ่านเข้ามาในบล็อก D รู้ดีว่ากล้องวงจรปิดจะจับภาพผมไว้ได้แต่ผมก็รู้ด้วยว่าตอนนี้นักโทษทุกคนอยู่กันที่สนามและไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าอยู่หน้าจอรักษาความปลอดภัย มันเป็นเวลาเหมาะ
ผมเดินตรงไปที่ส่วนคุกขังเดี่ยว ไปยังห้องเมอรี่
"เดี๋ยวนะ" เขาพูด "นาย.. นายยังอยู่ที่นี่อีกเหรอ?"
"ใช่แล้ว" ผมตอบ
"ไม่นะ นั่นมัน... นั่นไม่สมเหตุสมผลเลย"
"ส่งฉันกลับบ้านแล้วส่งคนไปยิงฉันสิ ฉันรออยู่" ผมพูดนิ่งๆ
"ไม่ เดี๋ยวนะ นั่นมัน.. รอก่อน"
ผมได้ยินเสียงเมอรี่รีบเดินกลับไปที่ปลายสุดของห้อง ตอนนี้ไม่มีนักโทษคนอื่นอยู่ที่นี่แม้แต่คนเดียว ผมรูดซิปกระเป๋าเป้เปิดออกแล้วหยิบที่กั้นประตูออกมา ผมดันมันเข้าข้างใต้ประตู
ผมเดินไปทางสัญญาณเตือนไฟแล้วดึงมันเปิด ประตูฉุกเฉินเปิดออกพร้อมเสียงไซเรนดังสนั่น ประตูทุกบานเปิดกว้าง ยกเว้นประตูของเมอรี่
"นายทำอะไรน่ะ!"
ผมหยิบขวดน้ำมันก๊าซออกมาแล้วเทมันผ่านช่องเปิดในประตูเข้าข้างใน
"โอ้ นายจะฆ่าฉันเหรอ? นั่นแผนนายเหรอเนี่ย?" เขาพูดอย่างแปลกใจ
"มัน.. ใช่แล้ว และฉันไม่เห็นมีมือสีฟ้าที่ไหนพยายามหยุดฉันเลยนี่นะ เพราะงั้นฉันว่าแผนฉันได้ผลว่ะ" ผมตะโกน
"บางทีนายอาจจะยังไม่เข้าใจเรื่องนี้! บางทีนายอาจจะทำสิ่งที่ไม่ควรทำ!" เขาละล่ำละลัก
"แล้วนั่นมันผิดตรงไหนล่ะ อย่างน้อยมันก็จะทำให้นายออกไปจากที่นี่ไม่ได้!"
ตอนนี้น้ำมันท่วมออกมานอกห้อง ผมเอาผ้าโชกน้ำมันมาจุดไฟแล้วโยนกลับเข้าไปในห้อง
นั่นเป็นตอนที่ทั้งห้องสว่างไสว ทั้งผนัง เตียงนอน และแม้แต่เมอรี่เอง ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้นผมได้เห็นว่าข้างในห้องเขาเป็นยังไงและเขาทำอะไรในนั้น
เขาวาดบนผนังและพื้น รถโคโรลาสีขาว, เบเวอลี, เมล็ดดอกป๊อบปี้, กาแฟดำ, ... บนผนังมีทั้งลูกศร, เส้นลากต่างๆ, สี่เหลี่ยมจัตุรัส ทั้งหมดเกี่ยวโยงกับชีวิตผม ทั้งหมดนี่เป็นสิ่งที่เขาจะทำเมื่อเขาได้ออกไปจากที่นี่ และเขาเชื่อเหลือเกินว่าผมจะเป็นคนปล่อยให้เขาหลุดออกไปจากที่นี่
และผมเห็นเมอรี่
เขาเป็นกระดูกมากกว่ามนุษย์ ตาลึกโหลเหมือนไม่ได้นอนมาหลายอาทิตย์ เขาดึงผมตัวเองร่วงหมดและกัดนิ้วตัวเองเละเทะ นี่มันคนเสียสติชัดๆ และเขาจ้องมองผมตาไม่กระพริบ
แต่ ณ วินาทีนั้น ขณะเปลวไฟเริ่มลามบนตัวเขาและแพร่ไปตามทางเดิน เขามองตาผม..
แล้วยิ้ม...
-------
ผมรีบวิ่งออกมาจากที่นั่น นักโทษเป็นร้อยคนรวมตัวกันอยู่ที่ลานกว้างในสนาม และผมได้ยินเสียงไซเรนและเปลวไฟปะทุระเบิดจากส่วนขังเดี่ยว กว่านักดับเพลิงจะมาถึง ผนังด้านหนึ่งของบล็อกก็พังทลายไปแล้ว
และผมเห็นเขา แค่เสี้ยววินาทีเดียว
ผมเห็นชายผอมแห้งคนนั้นยืนอยู่ในกองไฟ สองมือยื่นมือออกมาข้างหน้าเหมือนกำลังเปิดรับของขวัญ สารเคมีที่แขนของเขาติดไฟเป็นสีเขียวสดสว่าง ผมมองเห็นเขาผ่านช่องผนังที่พังทลาย
และนั่นเป็นตอนที่ผมคิดได้
เขาหลุดออกไปได้ เขาอาจจะถูกไฟเผา แต่เขาหลุดออกไปได้แล้ว
และในวินาทีนั้นเอง เขาหายวับไปกับตา เหมือนเทียนที่ถูกเป่าให้ดับ
-------
หลายชั่วโมงต่อมาเจ้าหน้าที่ดับเพลิงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ไม่มีบันทึกภาพกล้องวงจรปิดเพราะเจ้าหน้าที่ลืมเปลี่ยนเทปใหม่เมื่อคืน
ไม่มีบันทึกคนเข้าเยี่ยม และแทบไม่มีใครจำได้ว่าเห็นผมอยู่ที่นั่น
และไม่มีใครหาเมอรี่พบในคุกนั่น...
-------
ขณะผมกลับขึ้นรถ ผมกลั้นหายใจรอสิ่งที่อาจรอผมอยู่ในรถ อาจจะมีดจ่อที่คอหอยจากเบาะหลัง? ความเป็นไปได้หลายอย่างผุดขึ้นในหัว ผมถูกแทง ถูกเผา ถูกทรมานจนตาย ในอีกโลกหนึ่งทุกคนกลายเป็นเถ้าถ่านและผมถูกลากมาไว้หน้ากองเถ้าพวกนั้นเพื่อมองดูทั้งโลกกลายเป็นนรกบนดินขณะเงามืดสนิทลอยขึ้นจากพื้นโลก ทุกอย่างพังทลาย
ผมร้องไห้ ผมคงใกล้ตายเต็มทีแล้ว
แต่หลายนาทีผ่านไป.. ผมไม่ตาย.. ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมหันไปมองข้างๆ และเห็นจดหมายอีกฉบับวางอยู่ที่เบาะข้างคนขับ
สาบานได้ว่ามันไม่ได้อยู่ตรงนั้นเมื่อสองนาทีที่แล้ว..
ผมทำใจอยู่นานก่อนเอื้อมมือไปหยิบมัน
"นายปล่อยให้ฉันหลุดออกมาได้ :)"
และมีแบงค์ร้อยเหรียญอีกใบสอดอยู่ข้างใต้จดหมาย
**** จบบริบูรณ์ ****
-------------------------------------
❤️❤️ Credit: Thank you SATURDEAD, the author of the original story. You are awesome! :)
0 ความคิดเห็น