ผมไม่คิดว่าเคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อน
ผมพยายามลืมความทรงจำในช่วงปีนั้นของชีวิตอย่างเต็มกำลัง อาจจะมีบ้างที่ผมคิดถึงมันเป็นช่วงตอน แต่ไม่เคยเลยที่จะคิดถึงมันทั้งหมดในเวลาเดียวกัน
ผมมาช่วยทำความสะอาดห้องใต้ดินที่บ้านแม่ และเลยไปทางด้านหลัง ใต้กล่องที่ยุ่งเหยิงเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้และเสื้อผ้าเก่าๆ มีกล่องพลาสติกใสเล็กๆ อยู่ ผมไม่รู้ว่าแม่ผมเก็บจดหมายพวกนั้นเอาไว้
มันเริ่มขึ้นไม่นานหลังจากเบ็นเพื่อนรักของผมย้ายไปอยู่เมืองอื่น พวกเราสนิทกันมากแทบจะแยกกันไม่ออกตั้งแต่อายุสามขวบ ผมจำได้ว่าวันนั้นรู้สึกใจหายมากตอนเบ็นเดินมาหาผมด้วยดวงตาบวมๆ และบอกผมว่าเขากับแม่จะย้ายไปอยู่เมืองอื่น
คืนนั้นที่บ้าน แม่ผมอธิบายให้ฟังว่าคุณตาของเบ็นอายุมากขึ้นและเขาอยู่คนเดียวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว แม่ของเบ็นเลยตัดสินใจย้ายไปอยู่ด้วยกันกับเขา ซึ่งเมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆ ห่างออกไปสองจังหวัดจากบ้านผม พวกเขาจะอยู่ที่นั่นจนกว่าคุณตาจะเสีย แม่ผมบอกให้ผมขอที่อยู่ใหม่กับเบ็นพร้อมให้ที่อยู่ผมกับเขา เพื่อที่เราสองคนจะได้เขียนจดหมายหากัน
และเราทำตามนั้น เริ่มจากเบ็นส่งจดหมายฉบับแรกถึงผมสองสามเดือนหลังจากที่เขาย้ายบ้านไป
*********
19 พฤศจิกายน 1999
หวัดดีเพื่อน
ที่นี่โครตน่าเบื่อเลย ไม่มีอะไรให้ทำสักอย่าง แต่รู้ไหม แม่ซื้อเกมให้ฉันเยอะเลย แครชทีมเรซซิ่ง, แครชแบนดิคูต วารพส์, ไดโนไครซิส, ไดรเวอร์, 007, แล้วก็อีกเกมชื่อ แกรนเทฟออโต้ แต่มันแปลกๆ แถมกราฟิกก็ตลกอีกต่างหาก คนขับก็เท่ดีแต่ฉันไม่ได้เล่นเกม 007 มากเท่าไหร่เพราะเพิ่งได้มา นายน่าจะมาเยี่ยมฉันที่นี่บ้างนะ มาเล่นเกมไดรเวอร์กัน
บ้านหลังถัดไปอยู่ไกลจากบ้านเราเยอะเลย แล้วในบ้านก็ไม่มีอะไรสนุกๆ ให้ทำ โรงเรียนก็โง่ๆ อีก ครูฉันบอกว่ามีเด็กมาจากสามเมืองแถวนี้ และทุกอย่างที่ครูสอนฉันก็เรียนมาหมดแล้ว ตอนนี้โครตอยากกลับบ้านเลย
อ้อ และแม่ฉันได้เจอเพื่อนเก่าชื่อโจ และเขามาที่นี่บ่อยๆ เขาใจดีและชอบเล่นเกมเพลสเตชั่นกับฉัน ฉันว่าเขายอมให้ฉันชนะด้วย แต่เขาบอกว่าเปล่า
เราต้องบอกแม่เราให้ยอมให้นายมาเยี่ยมฉันหรือไม่ก็ให้ฉันกลับไปเยี่ยมนาย ถ้าแม่ฉันยอมให้ฉันไปอยู่กับนายล่ะ? เราจะกลายเป็นพี่น้องกันเลยสินะ ลองคุยกับแม่นายดูหน่อยดิ่ ฉันเองก็จะลองคุยกับแม่ฉันดู
เพื่อนนาย
เบ็น โนเบล
ปล. Sk8 Broz 4 Life
******
มันอาจจะฟังดูตลก แต่สมัยนั้น พวกเราชอบ Sk8 Broz กันมากเพราะอยากโตขึ้นเป็นนักสเก็ตบอร์ด ผมรู้ว่านั่นเป็นความฝันโง่ๆ แต่นั่นเคยเป็นความฝันของพวกเรา
พวกเราส่งจดหมายหากันทุกอาทิตย์อยู่แบบนี้ประมาณเจ็ดเดือน บอกเล่ากันและกันเกี่ยวกับชีวิตประจำวันทั่วไป เกิดอะไรขึ้นบ้านในโรงเรียน และปรึกษากันเรื่องคุยกับแม่ของพวกเราให้ยอมให้เบ็นมาอยู่กับผม
แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือเบ็นที่ชอบบ่นเรื่องที่อยู่ใหม่
"ฉันละเกลียดจริงๆ ที่ต้องมาอยู่ที่บ้านโง่ๆ หลังนี้"
"ฉันเกลียดการต้องมาอยู่กับตา เขาจำพวกเราไม่ได้ด้วยซ้ำ"
"โรงเรียนฉันอย่างแย่เลย เด็กๆ ที่นี่โครตโง่อ่ะ เป็นนายก็คงรู้สึกเหมือนกันนี่แหละ"
คำพูดประมาณนี้มีอยู่ในจดหมายทุกฉบับ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมแปลกใจเอามากๆ ตอนที่พอช่วงเจ็ดเดือนของการแลกจดหมายกันจบลงและตามด้วยช่วงที่เบ็นเงียบไปประมาณสองเดือนได้ จากนั้นผมได้รับจดหมายอีกฉบับจากเบ็น ซึ่งเป็นฉบับที่ความคิดเห็นของและทัศนคติของเขาดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
********
2 กันยายน 2000
เฮ้นิค!
รู้อะไรไหม?? ฉันไปเจอสวนสเก็ตห่างออกไปแค่ไม่กี่นาทีจากบ้านฉันเอง มันเยี่ยมมากเลย! และเพราะที่นี่มีคนอยู่ไม่เยอะนักมันเลยไม่ค่อยวุ่นวายเท่าไหร่ ป่าเขาแถวนี้ก็ดี ฉันว่าตอนแรกฉันไม่ชอบมันเพราะอากาศหนาวน่ะ
ที่จริงเมืองนี้ก็น่าสนุกดี เด็กบางคนที่นี่ก็เจ๋งนะ โจซื้อเพลสเตชั่น 2 ให้ฉันด้วย!!
คุณตาก็ยังเหมือนเดิม แต่ฉันว่าแกก็โอเคดีอยู่
และอีกอย่าง แม่ฉันบอกว่าจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้นายกับแม่ของนายมาเยี่ยมเราที่นี่!!
แม่ฉันบอกให้นายช่วยถามแม่นายทีว่าจะลาหยุดงานแล้วขับรถมาเยี่ยมพวกเราที่ได้หรือเปล่า เราใกล้จะได้เจอกันแล้วล่ะพวก!!
เบ็น โนเบล
***********
จดหมายฉบับล่าสุดก่อนฉบับที่ว่านี้ก็เหมือนกับที่เคยได้รับ ไม่กระตือรือร้น ปลีกตัว เกลียดสิ่งรอบข้าง มันเป็นการเปลี่ยนแปลงทางความคิดที่ค่อนข้างกะทันหัน แต่ผมก็มีความสุขไปกับเขาด้วย ผมคอยเล่าเรื่องพวกนี้ให้แม่ฟัง คอยบอกให้แม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเบ็นและแม่ของเขาบ้าง พอได้จดหมายฉบับนี้ ในที่สุดแม่ก็ใจอ่อนและสัญญาว่าในอีกสองสามเดือนข้างหน้า แม่จะลองลาหยุดงานดูสักสองสามวันเพื่อเราจะได้ไปเยี่ยมเบ็นก่อนที่อากาศจะหนาวเกินไปและหิมะเริ่มตก
สองสามวันต่อมาผมตอบจดหมายเบ็น บอกว่าวันไหนที่แม่ผมลางานได้พร้อมทั้งขอเบอร์โทรบ้านเบ็น ไม่นานหลังจากนั้น ผมได้รับจดหมายตอบกลับ
*************
12 กันยายน 2000
หวัดดีพวก
แม่ฉันบอกว่าจะลางานช่วงวันเดียวกัน เยี่ยมไปเลยเพื่อน ในที่สุดเราก็จะได้เจอกันแล้ว!! แถวนี้มีบ้านแค่ไม่กี่หลังให้ทริกออร์ทรีทวันฮัลโลวีน ฉันเลยคิดว่าเราแค่อยู่เล่นด้วยกันในบ้านก็พอ แต่นายเอาชุดฮัลโลวีนมาด้วยก็ดีนะ
นี่เบอร์โทรบ้านเรา โทรมาได้เลยตอนใกล้จะมาถึง โจ (เพื่อนแม่ฉัน) อาจจะเป็นคนรับสายนะ
xxx-xxx-xxxx
เพื่อนนาย
เบ็น โนเบล
***********
แม่ผมโทรไปหา และโจแฟนแม่ของเบ็นเป็นคนรับสาย เขาบอกแม่ผมอย่างสุภาพว่าโจแอนน่า (แม่ของ เบ็น) ยังไม่กลับจากทำงาน แต่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้และพวกเขาตื่นเต้นที่จะได้พบเรา เขาบอกว่าได้ฟังเรื่องของผมจากเบ็นบ่อยๆ และเขาดีใจที่จะได้พบกับผม หลังจากได้ที่อยู่และเส้นทางไปบ้านของเบ็นเรียบร้อยแล้ว แม่ผมวางสายและบอกข่าวดีกับผม
แผนของเราครอบคลุมเวลาเจ็ดวัน ขับรถไปที่บ้านเบ็นใช้เวลาหนึ่งวันเต็ม ใช้เวลาอยู่ที่บ้านเบ็นห้าวัน และใช้เวลาอีกหนึ่งวันเพื่อขับกลับ พวกเราออกเดินทางวันที่ 26 ตุลาคม ผมตื่นเต้นน่าดู อธิบายไม่ถูกเลยว่ามีความสุขมากขนาดไหน ในที่สุดผมก็จะได้ไปเยี่ยมเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมาเกือบปี ผมได้ลาหยุดโรงเรียน แถมช่วงนี้ยังเป็นเทศกาลฮัลโลวัน วันหยุดสุดโปรดของพวกเราอีกด้วย มันจะต้องเป็นอาทิตย์ที่สนุกสุดๆ ไปเลย
พวกเราใช้เวลาขับรถ 10 ชั่วโมงครึ่ง และพบตัวเองบนถนนว่างเปล่าทอดยาวออกไป ในที่สุดเราเลี้ยวโค้งสุดท้ายและมองเห็นบ้านหลังหนึ่งอยู่ไกลๆ
,มันเป็นเวลาพลบค่ำพอดี มันเป็นช่วงเวลาแปลกๆ ที่แสงสลัวและมืดลงแทบจะพร้อมกันตอนพวกเราขับไปถึงหน้าบ้านพอดี เราจอดรถข้างรถตู้ของโจแอนน่าที่มีรอยบุบขนาดใหญ่ด้านคนขับที่นานมาแล้วผมเป็นคนทำเองแต่เบ็นรับผิดแทน และรถอีกคันที่น่าจะเป็นของโจ แฟนของเธอ
พอผมกับแม่ลงจากรถ มีผู้ชายคนหนึ่งโผล่มาจากประตูหน้าบ้าน เขาใส่ชุดแฟรงเกนสไตน์
"หวัดดี! ยินดีต้อนรับครับ!! ผมโจ คุณคือแอมเบอร์และนิคสินะ หวัดดีนิค! เบ็นบอกว่าเทศกาลสุดโปรดของเธอคือฮัลโลวีน พวกเราเลยคิดว่าจะเริ่มฉลองกันเร็วหน่อย! หวังว่าเธอจะเอาชุดฮัลโลวีนมาด้วยนะ!"
ผมตื่นเต้น "เอามาครับ!" ผมตะโกนกลับ
"งั้นก็รีบไปเปลี่ยนชุดเลยสิ! เรามีเซอร์ไพรส์เตรียมไว้ให้เธอ เบ็นอยากให้วันนี้เป็นวันสุดพิเศษ"
ผมถามแม่ว่าจะไปเปลี่ยนชุดตอนนี้เลยได้หรือเปล่าและแม่อนุญาต ผมรีบวิ่งไปที่หน้าบ้านพร้อมกระเป๋าและโจบอกผมว่าห้องน้ำไปทางไหน ส่วนเขารอต้อนรับแม่อยู่หน้าบ้าน ตอนผมเดินเข้าไปในบ้าน ผมได้ยินเขาพูด "ยินดีที่ได้พบคุณครับแอมเบอร์ โจแอนน่าอยู่ที่ห้องใต้ดินกำลังเตรียมของ ส่วนเบ็นก็..."
ตอนนั้นจำได้ว่าผมมองไปรอบตัวและแปลกใจที่บ้านเบ็นรกเอาการ มันไม่ได้รกมากมายหรือสกปรกอะไร แต่แม่ของเบ็นเป็นคนรักความสะอาดและบ้านของเบ็นมักจะเป็นระเบียบเรียบร้อยเสมอ แต่บ้านหลังใหม่นี้มีกองจานสกปรกบนโต๊ะอาหาร กองผ้าตรงนั้นตรงนี้ทั่วไปหมด แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร
ผมเปลี่ยนเป็นชุดพาวเวอร์เรoเจอร์ในห้องน้ำแล้วเดินกลับมาที่ห้องรับแขกที่แม่กับโจยืนคุยกันอยู่ นอกจากความรกนิดหน่อยที่ผมบอก ทั้งบ้านถูกตกแต่งธีมฮัลโลวีนสุดๆ ไปเลย มีทั้งใยแมงมุม, ชามใส่ลูกกวาดทั่วบ้าน, โครงกระดูกนั่งบนเก้าอี้มุมห้องนั่งเล่น อะไรพวกนั้น ผมตื่นเต้นเอามากๆ อยากจะเห็นว่าห้องใต้ดินจะเป็นยังไง
โจนำเราไปทางประตูห้องใต้ดินและเปิดมันเพื่อให้พวกเราผ่านเข้าไปจากนั้นปิดประตูตามหลัง มีไฟดวงเล็กๆ ในแต่ละขั้นที่เราใช้เพื่อนำทางเราลงไป และเมื่อเราลงมาถึงด้านล่างของขั้นบันได เราเลี้ยวซ้ายไปตามทางเดินที่แคบเอาการ
ผมจำได้ว่าตอนนั้นเริ่มรู้สึกกลัว ความมืดและพื้นที่คับแคบทำเอาอึดอัดบอกไม่ถูก แต่แม่ผมโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูผม “ไม่เป็นไรหรอก เบ็นบอกโจว่าลูกกับเบ็นชอบบ้านผีสิงมากขนาดไหน โจเลยสร้างอะไรคล้ายๆ กันขึ้นมาที่นี่เพื่อให้พวกลูกได้เล่นสนุกกัน”
แม่ผมวางมือบนไหล่ผมขณะพวกเราเดินไปด้วยกัน ไฟกะพริบไปมาและสิ่งต่างๆ กระโจนออกมาหลอกหรือตกลงมาใส่ แถมด้วยเสียงดังจากลำโพงเหมือนตอนเข้าไปเล่นในบ้านผีสิง ผมจำได้ว่าตอนนั้นคิดกับตัวเองว่าพวกเขาเตรียมการตกแต่งได้ดีน่าดู ผมได้ยินโจพูดกับแม่จากด้านหลัง “ตอนจบรออยู่ข้างหน้าแล้ว”
พวกเราเลี้ยวอีกครั้งหนึ่งก่อนจะพบกับแสงไฟสองดวงส่องไปที่ม่านสีน้ำเงินเข้มคู่หนึ่งที่ห้อยลงมา
"ให้ผมเดินนำหน้าไปก่อนนะ พอผมบอกให้เข้ามาก็เข้ามาได้เลย เบ็นอยากให้มันเพอร์เฟคน่ะ" โจพูดอย่างกระตือรือร้นขณะเขาเดินผ่านพวกเราเข้าไปในม่านนั้น
"พร้อมจะพบเพื่อนรักของเธอหรือยัง? ฉันรู้ว่าพวกเธออยากเจอกันมากขนาดไหน!" โจพูดจากด้านหลังผ้าม่าน
ไม่กี่วินาทีผ่านไป เราได้ยินโจตะโกน "เข้ามาได้!" ตามด้วยเสียงหัวเราะเสียงดังน่าขนลุก
ผมตื่นเต้นที่จะได้เจอเพื่อน ส่วนแม่ผมก็บอกให้ผมเดินผ่านม่านเข้าไป ผมเดินเข้าใกล้ เปิดม่านและเดินเข้าไปข้างใน และเบ็นอยู่ที่นั่น พร้อมด้วยแม่ของเขาและชายอีกสองคน
แม่ของเบ็นเปลือยไม่มีเสื้อผ้าปกคลุม ร่างของเธอถูกตัดออกเป็นแปดท่อนและทุกท่อนถูกตอกติดผนัง เรียงต่อกันให้ดูเหมือนกับว่าเธอกำลังโบกมือให้เรา คุณตาของเบ็นนั่งเปลือยอยู่บนเก้าอี้โยก มือถูกเย็บติดกับข้อเท้าและเท้าถูกเย็บติดกับข้อมือ มุมปากสองข้างถูกกรีดเปิดจนมีขนาดกว้างกว่าปกติเป็นสองเท่า
ติดกันนั้นมีผู้ชายอีกคน น่าจะเป็นโจตัวจริง ห้องต่องแต่งจากเชือกที่ผูกติดกับเพดาน ผิวทั้งตัวของเขาถูกถลกออก ลิ้นถูกเย็บติดกับหน้าผาก
แก้วน้ำขนาดต่างๆ รวมทั้งจานรองและชามเกลื่อนพื้น เต็มไปด้วยเลือด บนผนังตกแต่งด้วยคำว่า "ฉันคิดถึงนาย" ทำจากแถบผิวหนังเลือดโชกของโจ
ทางซ้ายมือคือชายที่ปลอมตัวเป็นโจ ส่วนเบ็นนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นตัวสั่นเทาร้องไห้สะอึกสะอื้นหันหน้ามาทางผม เขาเนื้อตัวมอมแมมราวกับไม่ได้อาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้ามาหลายเดือน โจ (ตัวปลอม) ดึงเทปที่เขาใช้ปิดปากเบ็นออกแล้วพูด "เร็วเข้า ทักทายเพื่อนหน่อย!"
เบ็นเอาแต่ร้องไห้..
ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นภายในเวลาไม่เกินห้าวินาที ผมเดินผ่านผ้าม่านเข้ามาและหยุดกึกอยู่กับที่ กันทางแม่เอาไว้ พอแม่โผล่หัวเข้ามาเห็นข้างใน แม่ดึงผมอย่างแรงจากด้านหลังแล้วพวกเราเริ่มออกวิ่ง
ภาพสุดท้ายของเพื่อนรักที่สุดที่ผมเห็นคือเบ็นนั่งคุกเข่าตรงหน้าไอ้โรคจิตนั่นขณะมือที่ถือเลื่อยตัดโลหะของเขาเงี้อมขึ้นกลางอากาศ..
ตอนแม่ผมพูดซ้ำๆ "วิ่ง.. เร็วเข้า วิ่ง!" หูผมได้ยินแต่เสียงสำลักเลือดของเบ็น โนเบล
"ไม่เอาน่า! พวกแกจะไม่อยู่ดูก่อนเหรอ?! หมดสนุกเลย!" ตามด้วยเสียงหัวเราะดังน่าขยะแขยง
ผมกับแม่วิ่งกลับมาถึงบันไดตอนแม่บอกให้ผมวิ่งกลับออกไปข้างนอกไปขึ้นรถและล็อกประตูรถ ผมรู้ว่านี่ไม่ใช่เวลาจะมาเถียงแม่ ผมทำตาม ผมหันกลับไปมองขณะสองขาวิ่งผ่านห้องนั่งเล่นและเห็นแม่ผลักชั้นวางหนังสือล้มเพื่อกั้นประตูห้องใต้ดินเอาไว้
แม่หายไปประมาณ 20 วินาทีหลังจากนั้น แล้วโผล่มาจากตัวบ้าน วิ่งมาที่รถและพวกเราขับหนีออกมา พอจอดรถที่ปลายถนน แม่อธิบายให้ฟังว่าตอนนั้นแม่มองหาโทรศัพท์ในบ้านเพื่อโทรแจ้งตำรวจ บอกว่ามีการฆาตกรรมเกิดขึ้นและว่าเธอจะรออยู่ที่ปลายถนนทางเข้าบ้านเบ็น
ด้วยความที่บ้านเบ็นตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกล ตำรวจมาถึง 20 นาทีหลังจากนั้น พอมาถึง พวกเรานำทางตำรวจไปที่บ้านหลังนั้นและตำรวจเข้าไปตรวจสอบ ผมถามแม่ว่าถ้าไอ้โรคจิตนั่นหนีไปแล้วเราจะทำยังไง แต่แม่บอกว่าแม่แน่ใจว่าชั้นวางหนังสือนั่นแข็งแรงพอจะบล็อกไอ้โรคจิตนั่นไม่ให้ออกมาจากชั้นใต้ดินได้
ความจริงก็คือ ไอ้บ้านั่นไม่ได้พยายามจะออกมาจากห้องใต้ดินด้วยซ้ำ
เขาแค่เอาหัวของเบ็นวางบนโต๊ะเล็กๆ ข้างเขา แล้วเขียนโน๊ตสั้นๆ วางไว้ข้างกัน จากนั้นเอาปืนจ่อปากตัวเองแล้วเหนี่ยวไก
ผมจะไม่มีวันลืมภาพวินาทีสุดท้ายของแม่เบ็น ตาของเบ็น โจ และเบ็น
แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ผมจะจดจำไปตลอดชีวิต.. คือโน๊ตที่ฆาตกรทิ้งเอาไว้ให้
แกคงอยากรู้ว่าฉันทำแบบนั้นไปทำไมสินะ
ไม่รู้สิ.. ฉันแค่เห็นโอกาสก็เลยฉวยเอาไว้แค่นั้นเอง มันสนุกดีใช่มั้ยล่ะ?"
******************
จบ
******************
Credit: https://www.reddit.com/user/Nickbotic/
0 ความคิดเห็น