ผมเคยเป็นจนท.​รับแจ้งเหตุ​ ​911 นี่เป็นเหตุการณ์​ที่ทำผมกลัวที่สุดในชีวิต​ (P. 2)




ขณะพวกเราเดินผ่านกองศพสูงยี่สิบฟุต

 ดูเหมือนลมจะพัดแรงขึ้น กลิ่นเหม็นฉุนของอึ​ ฉี่​ เนื้อเน่า และกลิ่นเหงื่อโชยมาจากกองศพนั่นทำเอาผมเกือบอ้วก แอนโทนี่ลูกชายและมากาเรตเมียผมยกแขนปิดจมูกหน้าซีดเผือด พอเดินผ่านมาได้สักพัก กลิ่นยังแรงแต่ก็จางลงบ้าง

ผมเคยขับผ่านถนนนี้มาเป็นร้อยครั้ง แต่ตอนนี้ผมจำสิ่งแวดล้อมรอบตัวไม่ได้เลย ผมขมวดคิ้วพลางมองไปรอบๆ ถนนตรงหน้าเราปูด้วยกระดูกเล็กๆ เรียงต่อกัน ต้นไม้ก็เปลี่ยนไป พวกมันดูเหมือนต้นหลิว แต่แทนที่จะมีใบยาวห้อยลงมา กลับมีสิ่งที่ดูเหมือนลำไส้และผมยาวสีเลือดปลิวไสวตามสายลม แกว่งจากด้านหนึ่งไปอีกด้าน พอเข้าไปใกล้ ผมเห็นหนอนและตัวอ่อนแมลงดิ้นยัวะเยี๊ยะรวมกันจำนวนมากทำให้เห็นเป็นประกายระยิบระยับกระเพื่อมสั่นระริก มีเสียงเหมือนเสียงร้องไห้ดังออกมาจากป่า และพอมองใกล้ๆ ถึงได้รู้ว่าเสียงนั่นดังมาจากตัวตนไม้

"นี่มันที่ไหนกันเนี่ย?" มากาเรตผมถามตาเบิกกว้างตัวสั่นสะท้าน ใจผมเองก็เต้นแรงเร็วจนแยกจังหวะไม่ออก เพิ่งได้รู้ว่าเราเดินออกมาจากโลกหนึ่งเข้าสู่อีกโลกหนึ่งโดยไม่รู้ตัว โลกของเด็กศพและเทพเจ้าบ้าบิ่นของเธอที่ลูกผมเคยพูดถึง

"เธอบอกผมว่าที่นี่คือกลโกธา" ลูกผมกระซิบ "เมืองกะโหลก"

"แต่เรามาถึงที่นี่ได้ยังไง?" ผมถาม "และที่สำคัญกว่านั้นคือ เราจะออกไปจากที่นี่กันยังไง? เราวิ่งกลับทางเดิมได้หรือเปล่า?" ผมหันกลับไปมองข้างหลัง กองศพเมื่อกี้หายไปแล้ว มีเพียงถนนปูด้วยกระดูกทอดยาวไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ป่าต้นวิลโลว์เต็มไปด้วยเลือดและลำไส้แกว่งไกวเรียงรายขนาบสองข้างทาง ผมได้ยินเสียงแหล่งน้ำไหลอยู่ห่างออกไปไม่ไกล

"ไม่ฮะ" ลูกผมพูด "ผมรู้สึกได้ว่าเธออยู่ที่นี่กำลังจ้องมองพวกเรา เธอพยายามจะเข้ามาในหัวผม" แอนโทนี่ชี้ที่หัวตัวเอง "เราต้องไปกันต่อ ผมกันเธอเอาไว้ได้ เธอเข้าไปในหัวพ่อกับแม่ไม่ได้ถ้าพ่อกับแม่อยู่ใกล้ผม

มากาเรตคว้าแขนผมแน่น ผมสวดอธิษฐานขอให้ลูกผมพูดถูกและจะไม่มีใครต้องกลายเป็นบ้าและเริ่มกรีดเนื้อตัวเอง

"ฉันกลัว" เธอกระซิบเบาๆ ไม่ให้ลูกได้ยิน ผมพยักหน้าเครียดๆ ยกปืนขึ้นตรวจดูลูกปืน มีลูกปืนเหลือแค่สี่นัด และผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกปืนจะมีประโยชน์อะไรไหมในสถานที่นี้ 

ตอนนั้นเองเราได้ยินเสียงฟ้าคำรามก้อง ลำไส้บนต้นไม้ตกลงมากองบนพื้นเลือดกระเซ็นรอบตัวเราและถนนทำด้วยกระดูกสะเทือน ผมคว้าตัวมากาเรตเอาไว้ตอนเธอสะดุ้งทำท่าจะหกล้ม ส่วนลูกผมดูเหมือนไม่ได้รับความกระทบกระเทือนอะไรแต่ตาเขาเบิกกว้างและมองตรงไปข้างหน้า

ผมมองไปทางเดียวกันเห็นท้องฟ้าข้างหน้าเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีดำสนิทอย่างรวดเร็วราวกับเกิดสุริยคราส จากนั้นมีดวงหน้าปรากฎขึ้นจากความมืด ใบหน้าที่ดูเหมือนจะยืดไกลออกไปหลายร้อยไมล์ กระดูกโหนกแก้มและหน้าผากขาวซีดกลืนไปกับความมืดของท้องฟ้า กระดูกกรามที่ส่งเสียงกัดฟันกรอดและฟันแหลมขนาดใหญ่เปิดและปิดแรงเร็วน่าขนลุก มันทำให้ผมนึกถึงของเล่นไขลานตอนเป็นเด็ก ของเล่นที่มีแค่ฟันงับฉับๆ พร้อมสองเท้าเล็กๆ กระโดดไปข้างหน้า

แต่ดวงตามันน่าขนลุกที่สุด มันเป็นสีเงินบริสุทธิ์ แต่มีประกายแวววาวและหมุนวนอย่างรวดเร็ว ความบ้าคลั่งเล็ดลอดออกมาจากทุกส่วนของใบหน้า มันมองลึกเข้าไปในจิตใจผม มันมีตัวตนที่ไม่เพียงบ้าคลั่งแต่ยังคล้ายแมลงและชั่วร้าย ที่แย่ที่สุดคือ มันเป็นนิรันดร์ชั่วกาล

"เอาเหยื่อใหม่มาให้ข้ารึ?" มันพูดด้วยเสียงเหมือนน้ำไหล "เอาเด็กนั่นมาให้ข้า เขาจะไปเป็นเพื่อนกับศพเด็ก เหล่าเด็กชายและหญิงที่นี่ พวกเขาตายแล้ว แต่ไม่มีอะไรที่นี่ที่ตายจากไปจริงๆ หรอก เอาลูกเจ้ามาให้ข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า" จากนั้นมันหยุดพูด การเคลื่อนไหวเดียวในท้องฟ้าทั้งหมดคือดวงตาของมัน ซึ่งตอนนี้หมุนเร็วขึ้น เฉดสีเงินที่ลึกล้ำและจางลงปรากฏขึ้นและหายไปเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วดูเหมือนจะซูมเข้าด้านในเข้าหาศูนย์กลางตลอดเวลา

"ไม่" ผมพูดเสียงเข้ม ใจเต้นแรงด้วยความกลัวแต่ตอนนี้มีความโมโหปนอยู่ด้วย ผมยกนิ้วกลางชูขึ้นฟ้า เสียงนั่นหัวเราะดังลั่น ต้นไม้ล้มตายรอบตัวเรา เสียงสายน้ำไหลตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสียงคลื่นถาโถมกระทบฝั่งรุนแรง

"งั้นพวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตาย" มันพูด เสียงจางลงขณะมันลอยห่างออกไป ท้องฟ้ากลับมาเป็นสีฟ้าอีกครั้ง บนขอบฟ้ามีเมฆควันหนาทึบลอยขึ้นเหนือแนวต้นไม้ ถนนดูเหมือนจะมุ่งไปในทิศทางนั้น

“ดูเหมือนจะมีเมืองหรือโรงงานอยู่ที่นั่น เราจะเดินต่อหรือจะเดินกลับดี คิดว่าไง?” ผมถาม ตอนนั้นเองผมได้ยินเสียงร้องครางอย่างเจ็บปวดดังมาจากข้างต้นไม้ห่างออกไปไม่ไกล พอหันไปดูก็เห็นเจ้าหน้าที่เชียนอนอยู่ เครื่องแบบขาดวิ่น มีบาดแผลถลอกปอกเปิกทั่วตัว

"ได้โปรด.." เขาพูด "ช่วยผมที" มากาเรตตั้งท่าจะวิ่งไปช่วยแต่ผมยกแขนกันเอาไว้ 

"เขาอาจจะติดเชื้อ" ผมพูด 

เธอจ้องผมเขม็ง "งั้นจะปล่อยให้เขาตายเหรอ?" 

ผมส่ายหน้า "เราเข้าใกล้อันตรายอย่างระวัง" ผมพูด "เรามีปืนกระบอกเดียวกับกระสุนไม่กี่นัด แล้วก็มีดอีกแค่สองเล่ม" 

มากาเรตขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่ชอบใจ จากนั้นผลักมือผมออกแล้วลงนั่งคุกเข้าข้างเจ้าหน้าที่เชีย เธอเคยได้รับการฝึกอบรมทางการแพทย์มาบ้างเพราะเคยเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่ได้รับการรับรองในวัยยี่สิบต้นๆ  เธอตรวจชีพจร การหายใจ เปิดตาข้างหนึ่งและอีกข้างเพื่อตรวจสอบการตอบสนองของรูม่านตา และดูให้แน่ใจว่าไม่มีเลือดไหลออกมาจากตา เธอหันกลับมองผมแล้วพยักหน้า

"ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ติดเชื้อ" เธอพูด เขานอนหงายและเธอพลิกร่างเขาเพื่อเช็กหาบาดแผล เขามีเลือดออกมากจากแผลถูกแทงที่ไหล่ซ้าย เลือดจับตัวเป็นก้อนเปื้อนชุดทหารของเขาเป็นสีแดงสกปรกที่ด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าเขาเสียเลือดมาก

"ไม่คิดว่าแทงโดนเส้นเลือดใหญ่นะ" มากาเรตพูด​ แอนโทนียืนหลังผมจับมือผมไว้ ผมยกปืนขึ้นเตรียมพร้อม​ กวาดตาไปรอบๆ​ 

"คุณมี.. คุณ​มีน้ำดื่มบ้างมั้ย?" จนท.​เชียพูดพลางเลียริมฝีปากแห้งผาก

"มีแหล่งน้ำอยู่แถวนี้" ผมพูด" แต่ไม่รู้​นะว่ากินได้หรือเปล่า" 

จนท. ส่ายหน้า​ "ผมดื่มมาบ้างและมันโอเค" จนท.​เชียพูด​แล้วลุกขึ้นช้าๆ มากาเรตเดินเข้าหาและเขายกแขนพาดไหล่เธอเพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ล้ม​ "มีบางอย่างวิ่งไล่ผม​ ไม่รู้​เหมือนกันว่ามาถึงที่นี่ได้ยังไง​ ผมถูกแทงที่หลัง​ คู่หูผมถูกกัดแล้วเกิดป่วยหนักหลังจากแค่ไม่กี่นาที​ ผมรู้ว่าเขาไม่รอดแน่แต่เขาสู้สุดตัว​ เขาฆ่าไอ้พวกบ้านั่นตายไปห้าหรือหกคนนี่แหละ​ ก่อนที่พวกที่เหลือจะกระโจนเข้าใส่แล้วกัดกินเขาจนตาย" จนท.​เชียพูดขณะพวกเราเดินเข้าไปทางแหล่งน้ำ

พอไปถึงหนองน้ำตื้นๆ​ จนท.​เชียคุกเข่าใช้มือกอบน้ำเข้าปากแล้วดื่มให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้​ จากนั้นวักน้ำล้างหน้าก่อนลุกยืน

"เอาละ​ พวกเราหาทางออกไปจากไอ้เมืองบ้านี่กันดีกว่า" เขาพูด​มือดึงปืนสั้นออกมาใส่กระสุน

พวกเราเดินกลับลงถนนแล้วมุ่งหน้าไปทางฟ้าสีเทา​ไม่กี่นาทีผ่านไป​ ป่าเริ่มลดน้อยลงเผยให้เห็นตึกหลายหลังไกลๆ​ ข้างหน้า​ แต่มันเงียบสนิทน่าขนลุก​

ไม่นาน​ พวกเราทิ้งป่าลำไส้และเลือดไว้เบื้องหลัง​และพบตึกรามรอบตัวดูเหมือนหลุดออกมาจากหนังซอมบี้ ตึกสูงเป็นร้อยชั้นรายล้อมรอบพวกเรา​ หน้าต่างหลายบานถูกทำลาย​ มีร่างคนถูกผูกคอห้อยแกว่งไกวอยู่ตามไฟถนนสองข้างทาง​ หลายศพคงอยู่ที่นั่นมานานจนผิวและเนื้อเน่าหลุดลงพื้น​ ก๊าซเน่าในตัวส่งผลให้ร่างบวมอืด​ หน้าบวมเละและเสื้อผ้าโป่งออกตาม

"เด็กนั่นใกล้เข้ามาแล้ว" ลูกผมพูดพลางชี้ไปทางถนนข้างหน้า​ พวกเราเตรียมพร้อมกำอาวุธ​ในมือ​แน่น​ ในสถานการณ์​อื่น​ มันอาจฟังดูตลกน่าดู​ที่พวกเราพากันกลัวเด็กผู้หญิง​ตัวเล็กๆ​ แค่คนเดียว​ เธอยืนอยู่ตรงนั้น​ ปากยังถูกเย็บปิด​และดวงตาเบิกกว้าง​ดำขลับ​ ผิวขาวซีดมีลายเส้นเลือดสีดำเน่าๆ​ กระจายทั่วร่าง​

ผมได้ยินเสียงเธอในหัว​ "เทพเจ้าแห่งกลโกธาต้อนรับพวกคุณทุกคน" เธอพูด​ ผมบอกได้ว่าทุกคนได้ยินเสียงเธอเพราะพวกเขาเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ​ "นี่เป็นโอกาสสุดท้าย​ ถ้าอยากไปต่อก็ต้องทำการสังเวย​ เอาเด็กนั่นมาให้เรา เขาจะได้รับการดูแลอย่างดี​ เขาจะไม่มีวันตาย​ ไม่มีอะไรที่นี่ที่ตายไปได้จริง" 

จนท. เชียยกปืนขึ้นยิงเธอเข้าที่หน้าอก​ส่งร่างเธอผงะไปข้างหลัง​ เสียงในหัวหยุดกะทันหัน

"วิ่งเร็ว!" แอนโทนี่ตะโกน​ "พวกมันมากันแล้ว ผมหันไปมองและเห็นเด็นทั้งหญิงและชายเป็นโหลพากันวิ่งออกมาจากตึกร้าง​ ทุกคนโดนเย็บปาก​ บางคนสวมชุดเก่าสกปรกขาดรุ่งริ่งขณะที่บางคนสวมเสื้อผ้าที่ดูใหม่กว่า​ พวกเราออกวิ่ง​ ผมอยู่หลังลูกเพราะรู้ว่าเขาวิ่งช้ากว่าคนอื่น​ กองทัพศพเด็กวิ่งใกล้เข้ามาทุกที​ ผมรู้สึกมีมือคว้าจับเสื้อผมจากข้างหลัง​ ผมหันไปจ่อปืนใส่เป้าที่อยู่ใกล้สุด​ เด็กผู้ชาย​ใส่ชุดสูทที่ดูเหมือนหลุดมาจากสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง​ หัวข้างหลังเขาระเบิดกระจุยหลังผมเหนี่ยวไกเข้าหน้าผาก

ตอนนั้นเอง​ กองทัพศพเด็กหยุดวิ่ง​ ตาเบิกกว้างขณะพวกเขามองดูเลือดข้นเป็นก้อนและชิ้นส่วนสมองกระจัดกระจายเต็มถนน​ พวกเขาใช้มือกอบมันขึ้นมาใส่ปากที่ถูกเย็บปิด​พยายามดูดกินอย่างหิวโหย​ 

พวกเราวิ่งห่างออกมาได้พอสมควร​ จนท.​เชียวิ่งนำ ตามด้วยมากาเรต แอนโทนี่และผม​ปิดท้าย​ วิ่งไปตามถนนร้างจนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงวิ่งตามอีกต่อไป

"หยุดก่อน" ผมพูด​ สองมือเท้าหัวเข่าหอบหายใจ​ "พักก่อนๆ" แอนโทนี่หอบหายใจอยู่ข้างผม

จนท.​เชียกับมากาเรตหันมามองเรา​ "เอาไงต่อดี" มากาเรตถาม

ผมมองลูก​ "ลูกรู้มั้ยว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง?"  ผมถามและแปลกใจที่เห็นเขาพยักหน้า

"ผมเห็นจากจิตของเด็กคนนั้นตอนเธอพูดกับเรา​ มีบ่อน้ำแห่งหนึ่งอยู่กลางเมือง​ มันเป็นที่ที่พวกเขาไปกันตอนต้องการเด็กคนใหม่มาสังเวย" 

"งั้นก็ไปกันเลย" จนท.​เชียพูด​ ขยับให้แอนโทนี่เคลื่อนมาข้างหน้า​ "นำไปเลยเจ้าหนู​ พวกเราจะปกป้องเธอเอง​ เราออกไปจากนรกนี่กันเถอะ" 

แอนโทนี่พยักหน้าแล้วเริ่มออกเดินขาสั่นระริก​ พวกเราตามเขาไปบนถนนขนาดหกเลน

"น่าจะทางนี้ฮะ" เขาพูดพลางชี้ไปทางแถวตึกมากมายข้างหน้า

ตอนนั้นเอง​ พวกเราได้ยินเสียงเทพเจ้าแห่งความบ้าบิ่นอีกครั้ง​ คราวนี้ไม่ได้ดังมาจากฟ้า​แต่ดังมาจากถนนข้างหลัง​ พื้นเริ่มสั่นสะเทือน​ ข้างหลังเรา​ มีสัตว์ประหลาดสูงหลายสิบฟุต​ โครงหน้าเหมือนกะโหลก​ กระดูกกรามที่ส่งเสียงกรอดๆ แบบเดียวกันและฟันแหลมคม แต่ตอนนี้มันยืนอยู่บนร่างเพรียวบางเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยตุ่มก้อนหนองและรอยเฆี่ยนลึกตามผิวหนังทุกตารางนิ้ว

"ขอบใจที่เอาเหยื่อมาให้ข้าถึงที่" มันพูดด้วยเสียงราวกับน้ำตก แต่ละพยางค์กระทบกันและทำให้เกิดแผ่นดินไหว ไม่มีทางที่เราจะเอาชนะมันได้ ถึงแขนและขาของมันจะผอมแห้งและมีกระดูกโผล่ให้เห็นจากบาดแผลนับไม่ถ้วน แต่มันเคลื่อนไหวรวดเร็วและตัวสูงเอามากๆ

มากาเรตหันมามองผมเป็นครั้งสุดท้าย​" พาลูกออกไปจากที่นี่" เธอกระซิบพลางเหลือบไปมองแอนโทนี่​ "ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม​ พาลูกออกไปจากที่นี่ให้ได้" จากนั้นมากาเรตออกวิ่งตรงไปทางไอ้เทพเจ้าแห่งความบ้าคลั่ง​ หัวของมันหันตามอย่างรวดเร็ว​ ตาสีเงินของมันมองตามการเคลื่อนไหวของมากาเรตด้วยความแปลกใจ​ มือยาวแหลมเอื้อมไปคว้าเธอแต่มากาเรตวิ่งหลบเข้าตรอกเล็กๆ สัตว์ประหลาด​ร้องลั่นวิ่งตามเธอ

"วิ่งเร็ว!" จนท.​เชียตะโกน​ ผมอยากช่วยเมีย​แต่ก็รู้ว่าจนท.​เชียพูดถูก​ มากาเรตยอมสละชีวิตเพื่อลูกเรา​ ถ้าไม่หนีตอนนี้​ ชีวิตเมียผมจะสูญเปล่า​ ด้วยน้ำตาอาบแก้ม​ ผมผลักลูกให้ออกวิ่ง

"ไปเร็วแอนโทนี่!" ผมตะโกน

"แต่..​แต่แม่ล่ะฮะ?" เขาเริ่มร้องไห้

"ไปเถอะน่า!" จากนั้นพวกเราออกวิ่ง​ ควันดำบนฟ้าเคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว​ หูได้ยินเสียงผู้หญิง​กรีดร้องอย่างเจ็บปวด​ ผมรู้ว่าเป็นเสียงมากาเรต ผมรู้สึกเหมือนใจจะขาด

พวกเราเห็นบ่อน้ำที่แอนโทนี่พูดถึงข้างหน้า​ห่างออกไปไม่กี่ร้อยฟุต​ มีควันสีดำลอยออกมาจากบ่อนั่น​ 

จากนั้นศพเด็กเป็นร้อยเริ่มคลานและวิ่งออกมาจากทุกถนนและตรอกซอกซอยรอบบ่อน้ำ พวกมันหยุดและจ้องมองมาที่เราด้วยดวงตาขุ่นขาว

"ผมมีไอเดีย" จนท.​เชียพูด​ตามองที่ผม​แล้วยิ้ม​ "แต่คุณจะไม่ชอบมันแน่" จบคำเขาวิ่งเข้าใส่กองทัพศพเด็ก​ มือเหนี่ยวไกไม่ยั้งเล็งไปที่ศพเด็กที่ตอนนี้ล้อมรอบตัวเขา​ ผมรู้ว่ากระสุนเขาไกล้หมดแม็กซ์แล้ว

เขาหันกลับมามองผมเป็นครั้งสุดท้าย​ น้ำตาคลอและสีหน้าหวาดกลัว​ เขายกปืนจ่อใส่ปากแล้วเหนี่ยวไก

"ไม่!!!" ผมร้องเสียงหลง

ทั้งหัวด้านหลังเขาระเบิดเหมือนลูกโป่งแตก​ กองทัพศพเด็กกรูเข้าหา​เอามือกอบเลือดและสมองเข้าปากที่ถูก​เย็บไว้

ผมอุ้มแอนโทนี่แนบอกวิ่งสุดกำลัง

แล้วกระโจน​ลงบ่อน้ำ.. 

***


ผมฟื้นขึ้นมาที่ชายแดนของเมือง​มีผู้คนมากมายในชุดป้องกันไวรัส มีเจ้าหน้าที่จำนวนนับไม่ถ้วนในรถเอสยูวีสีดำไม่มีป้ายทะเบียนจอดขวางพรมแดนเมือง ชายคนหนึ่งในชุดป้องกันไวรัสเดินเข้ามาฉายไฟฉายใส่ตาผม และอีกคนหนึ่งทำแบบเดียวกันกับแอนโทนี่ที่นอนอยู่ข้างๆ จากนั้นผมหมดสติไปอีกครั้ง

ต่อมา​ ผมฟื้นขึ้นอีกครั้งในสถานพยาบาล ล้อมรอบด้วยเจ้าหน้าที่สองสามคนในชุดสูทสีดำ พวกเขาไม่ยอมบอกว่ามาจากหน่วยงานไหน บอกแค่ว่าทั้งเมืองมีโรคพิษสุนัขบ้ากลายพันธุ์ระบาด ผมส่ายหน้า

"มีศพเด็กผู้หญิง​ที่ปากถูกเย็บ" ผมพูดและพวกเขาหัวเราะ

"ผู้รอดชีวิตคนอื่นก็พูดแบบนี้" หนึ่งในเจ้าหน้าที่พูด​ "น่าจะเป็นฮิสทีเรียหมู่ อาจเป็นอาการประสาทหลอนจากความเครียดที่ต้องทนเห็นการระบาดที่น่ากลัวแบบนั้น แต่พวกเรากักตัวทั้งเมือง จนถึงตอนนี้ เราสามารถกันเรื่องนี้ไม่ให้ออกสื่อได้ เราไม่อยากให้คุณพูดถึงสัตว์ประหลาดหรืออะไรพวกนั้น”

ผมเลิกฟังหลังจากนั้น​ เพราะรู้ว่าถึงพูดไปก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี

พวกเขาไม่เคยพูดถึงจำนวนศพที่หาไม่พบ รวมถึงศพของเมียผมและ จนท.​ เชียที่เสียสละตนเองเพื่อรักษาชีวิตของเราเอาไว้​ พวกเขาไม่เคยอธิบายว่าโรคพิษสุนัขบ้ากลายพันธุ์​คร่าชิวิตคนเป็นร้อยจนกองทับถมกันเป็นภูเขาภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงได้ยังไง​

ตั้งแต่นั้น​ ผมกับลูกย้ายออกจากเมืองไปอยู่ที่อื่น​ไกลแสนไกลจากที่นั่น​ เราทิ้งเรื่องเลวร้ายไว้เบื้องหลังและเริ่มใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง

แต่เมื่อคืน.. ตอนผมกำลังผล็อยหลับ​ ผมฝันถึงเทพเจ้าแห่งความบ้าบิ่นและเสียงฟันกระทบกันดังกึ่กๆๆ ดวงตาสีเงินเหมือนแมลงเงาวับ​ มันบอกผมว่ามันจะมาหาผมอีกครั้งในไม่ช้า

ตอนตื่น​ ผมเห็นรอยเท้าดำเหมือนลิ่มเลือดที่ข้างเตียงผมบนพื้น..

--- จบบริบูรณ์​ -​--

################

Credit: https://www.reddit.com/r/nosleep/comments/11wsvvs/i_was_a_911_operator_i_still_remember_the_call/


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น