ขณะพวกเราเดินผ่านกองศพสูงยี่สิบฟุต
ดูเหมือนลมจะพัดแรงขึ้น กลิ่นเหม็นฉุนของอึ ฉี่ เนื้อเน่า และกลิ่นเหงื่อโชยมาจากกองศพนั่นทำเอาผมเกือบอ้วก แอนโทนี่ลูกชายและมากาเรตเมียผมยกแขนปิดจมูกหน้าซีดเผือด พอเดินผ่านมาได้สักพัก กลิ่นยังแรงแต่ก็จางลงบ้าง
ผมเคยขับผ่านถนนนี้มาเป็นร้อยครั้ง แต่ตอนนี้ผมจำสิ่งแวดล้อมรอบตัวไม่ได้เลย ผมขมวดคิ้วพลางมองไปรอบๆ ถนนตรงหน้าเราปูด้วยกระดูกเล็กๆ เรียงต่อกัน ต้นไม้ก็เปลี่ยนไป พวกมันดูเหมือนต้นหลิว แต่แทนที่จะมีใบยาวห้อยลงมา กลับมีสิ่งที่ดูเหมือนลำไส้และผมยาวสีเลือดปลิวไสวตามสายลม แกว่งจากด้านหนึ่งไปอีกด้าน พอเข้าไปใกล้ ผมเห็นหนอนและตัวอ่อนแมลงดิ้นยัวะเยี๊ยะรวมกันจำนวนมากทำให้เห็นเป็นประกายระยิบระยับกระเพื่อมสั่นระริก มีเสียงเหมือนเสียงร้องไห้ดังออกมาจากป่า และพอมองใกล้ๆ ถึงได้รู้ว่าเสียงนั่นดังมาจากตัวตนไม้
"นี่มันที่ไหนกันเนี่ย?" มากาเรตผมถามตาเบิกกว้างตัวสั่นสะท้าน ใจผมเองก็เต้นแรงเร็วจนแยกจังหวะไม่ออก เพิ่งได้รู้ว่าเราเดินออกมาจากโลกหนึ่งเข้าสู่อีกโลกหนึ่งโดยไม่รู้ตัว โลกของเด็กศพและเทพเจ้าบ้าบิ่นของเธอที่ลูกผมเคยพูดถึง
"เธอบอกผมว่าที่นี่คือกลโกธา" ลูกผมกระซิบ "เมืองกะโหลก"
"แต่เรามาถึงที่นี่ได้ยังไง?" ผมถาม "และที่สำคัญกว่านั้นคือ เราจะออกไปจากที่นี่กันยังไง? เราวิ่งกลับทางเดิมได้หรือเปล่า?" ผมหันกลับไปมองข้างหลัง กองศพเมื่อกี้หายไปแล้ว มีเพียงถนนปูด้วยกระดูกทอดยาวไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ป่าต้นวิลโลว์เต็มไปด้วยเลือดและลำไส้แกว่งไกวเรียงรายขนาบสองข้างทาง ผมได้ยินเสียงแหล่งน้ำไหลอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
"ไม่ฮะ" ลูกผมพูด "ผมรู้สึกได้ว่าเธออยู่ที่นี่กำลังจ้องมองพวกเรา เธอพยายามจะเข้ามาในหัวผม" แอนโทนี่ชี้ที่หัวตัวเอง "เราต้องไปกันต่อ ผมกันเธอเอาไว้ได้ เธอเข้าไปในหัวพ่อกับแม่ไม่ได้ถ้าพ่อกับแม่อยู่ใกล้ผม
มากาเรตคว้าแขนผมแน่น ผมสวดอธิษฐานขอให้ลูกผมพูดถูกและจะไม่มีใครต้องกลายเป็นบ้าและเริ่มกรีดเนื้อตัวเอง
"ฉันกลัว" เธอกระซิบเบาๆ ไม่ให้ลูกได้ยิน ผมพยักหน้าเครียดๆ ยกปืนขึ้นตรวจดูลูกปืน มีลูกปืนเหลือแค่สี่นัด และผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกปืนจะมีประโยชน์อะไรไหมในสถานที่นี้
ตอนนั้นเองเราได้ยินเสียงฟ้าคำรามก้อง ลำไส้บนต้นไม้ตกลงมากองบนพื้นเลือดกระเซ็นรอบตัวเราและถนนทำด้วยกระดูกสะเทือน ผมคว้าตัวมากาเรตเอาไว้ตอนเธอสะดุ้งทำท่าจะหกล้ม ส่วนลูกผมดูเหมือนไม่ได้รับความกระทบกระเทือนอะไรแต่ตาเขาเบิกกว้างและมองตรงไปข้างหน้า
ผมมองไปทางเดียวกันเห็นท้องฟ้าข้างหน้าเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีดำสนิทอย่างรวดเร็วราวกับเกิดสุริยคราส จากนั้นมีดวงหน้าปรากฎขึ้นจากความมืด ใบหน้าที่ดูเหมือนจะยืดไกลออกไปหลายร้อยไมล์ กระดูกโหนกแก้มและหน้าผากขาวซีดกลืนไปกับความมืดของท้องฟ้า กระดูกกรามที่ส่งเสียงกัดฟันกรอดและฟันแหลมขนาดใหญ่เปิดและปิดแรงเร็วน่าขนลุก มันทำให้ผมนึกถึงของเล่นไขลานตอนเป็นเด็ก ของเล่นที่มีแค่ฟันงับฉับๆ พร้อมสองเท้าเล็กๆ กระโดดไปข้างหน้า
แต่ดวงตามันน่าขนลุกที่สุด มันเป็นสีเงินบริสุทธิ์ แต่มีประกายแวววาวและหมุนวนอย่างรวดเร็ว ความบ้าคลั่งเล็ดลอดออกมาจากทุกส่วนของใบหน้า มันมองลึกเข้าไปในจิตใจผม มันมีตัวตนที่ไม่เพียงบ้าคลั่งแต่ยังคล้ายแมลงและชั่วร้าย ที่แย่ที่สุดคือ มันเป็นนิรันดร์ชั่วกาล
"เอาเหยื่อใหม่มาให้ข้ารึ?" มันพูดด้วยเสียงเหมือนน้ำไหล "เอาเด็กนั่นมาให้ข้า เขาจะไปเป็นเพื่อนกับศพเด็ก เหล่าเด็กชายและหญิงที่นี่ พวกเขาตายแล้ว แต่ไม่มีอะไรที่นี่ที่ตายจากไปจริงๆ หรอก เอาลูกเจ้ามาให้ข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า" จากนั้นมันหยุดพูด การเคลื่อนไหวเดียวในท้องฟ้าทั้งหมดคือดวงตาของมัน ซึ่งตอนนี้หมุนเร็วขึ้น เฉดสีเงินที่ลึกล้ำและจางลงปรากฏขึ้นและหายไปเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วดูเหมือนจะซูมเข้าด้านในเข้าหาศูนย์กลางตลอดเวลา
"ไม่" ผมพูดเสียงเข้ม ใจเต้นแรงด้วยความกลัวแต่ตอนนี้มีความโมโหปนอยู่ด้วย ผมยกนิ้วกลางชูขึ้นฟ้า เสียงนั่นหัวเราะดังลั่น ต้นไม้ล้มตายรอบตัวเรา เสียงสายน้ำไหลตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสียงคลื่นถาโถมกระทบฝั่งรุนแรง
"งั้นพวกเจ้าทั้งหมดจะต้องตาย" มันพูด เสียงจางลงขณะมันลอยห่างออกไป ท้องฟ้ากลับมาเป็นสีฟ้าอีกครั้ง บนขอบฟ้ามีเมฆควันหนาทึบลอยขึ้นเหนือแนวต้นไม้ ถนนดูเหมือนจะมุ่งไปในทิศทางนั้น
“ดูเหมือนจะมีเมืองหรือโรงงานอยู่ที่นั่น เราจะเดินต่อหรือจะเดินกลับดี คิดว่าไง?” ผมถาม ตอนนั้นเองผมได้ยินเสียงร้องครางอย่างเจ็บปวดดังมาจากข้างต้นไม้ห่างออกไปไม่ไกล พอหันไปดูก็เห็นเจ้าหน้าที่เชียนอนอยู่ เครื่องแบบขาดวิ่น มีบาดแผลถลอกปอกเปิกทั่วตัว
"ได้โปรด.." เขาพูด "ช่วยผมที" มากาเรตตั้งท่าจะวิ่งไปช่วยแต่ผมยกแขนกันเอาไว้
"เขาอาจจะติดเชื้อ" ผมพูด
เธอจ้องผมเขม็ง "งั้นจะปล่อยให้เขาตายเหรอ?"
ผมส่ายหน้า "เราเข้าใกล้อันตรายอย่างระวัง" ผมพูด "เรามีปืนกระบอกเดียวกับกระสุนไม่กี่นัด แล้วก็มีดอีกแค่สองเล่ม"
มากาเรตขมวดคิ้วมองผมอย่างไม่ชอบใจ จากนั้นผลักมือผมออกแล้วลงนั่งคุกเข้าข้างเจ้าหน้าที่เชีย เธอเคยได้รับการฝึกอบรมทางการแพทย์มาบ้างเพราะเคยเป็นผู้ช่วยพยาบาลที่ได้รับการรับรองในวัยยี่สิบต้นๆ เธอตรวจชีพจร การหายใจ เปิดตาข้างหนึ่งและอีกข้างเพื่อตรวจสอบการตอบสนองของรูม่านตา และดูให้แน่ใจว่าไม่มีเลือดไหลออกมาจากตา เธอหันกลับมองผมแล้วพยักหน้า
"ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ติดเชื้อ" เธอพูด เขานอนหงายและเธอพลิกร่างเขาเพื่อเช็กหาบาดแผล เขามีเลือดออกมากจากแผลถูกแทงที่ไหล่ซ้าย เลือดจับตัวเป็นก้อนเปื้อนชุดทหารของเขาเป็นสีแดงสกปรกที่ด้านหลัง เห็นได้ชัดว่าเขาเสียเลือดมาก
"ไม่คิดว่าแทงโดนเส้นเลือดใหญ่นะ" มากาเรตพูด แอนโทนียืนหลังผมจับมือผมไว้ ผมยกปืนขึ้นเตรียมพร้อม กวาดตาไปรอบๆ
"คุณมี.. คุณมีน้ำดื่มบ้างมั้ย?" จนท.เชียพูดพลางเลียริมฝีปากแห้งผาก
"มีแหล่งน้ำอยู่แถวนี้" ผมพูด" แต่ไม่รู้นะว่ากินได้หรือเปล่า"
จนท. ส่ายหน้า "ผมดื่มมาบ้างและมันโอเค" จนท.เชียพูดแล้วลุกขึ้นช้าๆ มากาเรตเดินเข้าหาและเขายกแขนพาดไหล่เธอเพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ล้ม "มีบางอย่างวิ่งไล่ผม ไม่รู้เหมือนกันว่ามาถึงที่นี่ได้ยังไง ผมถูกแทงที่หลัง คู่หูผมถูกกัดแล้วเกิดป่วยหนักหลังจากแค่ไม่กี่นาที ผมรู้ว่าเขาไม่รอดแน่แต่เขาสู้สุดตัว เขาฆ่าไอ้พวกบ้านั่นตายไปห้าหรือหกคนนี่แหละ ก่อนที่พวกที่เหลือจะกระโจนเข้าใส่แล้วกัดกินเขาจนตาย" จนท.เชียพูดขณะพวกเราเดินเข้าไปทางแหล่งน้ำ
พอไปถึงหนองน้ำตื้นๆ จนท.เชียคุกเข่าใช้มือกอบน้ำเข้าปากแล้วดื่มให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ จากนั้นวักน้ำล้างหน้าก่อนลุกยืน
"เอาละ พวกเราหาทางออกไปจากไอ้เมืองบ้านี่กันดีกว่า" เขาพูดมือดึงปืนสั้นออกมาใส่กระสุน
พวกเราเดินกลับลงถนนแล้วมุ่งหน้าไปทางฟ้าสีเทาไม่กี่นาทีผ่านไป ป่าเริ่มลดน้อยลงเผยให้เห็นตึกหลายหลังไกลๆ ข้างหน้า แต่มันเงียบสนิทน่าขนลุก
ไม่นาน พวกเราทิ้งป่าลำไส้และเลือดไว้เบื้องหลังและพบตึกรามรอบตัวดูเหมือนหลุดออกมาจากหนังซอมบี้ ตึกสูงเป็นร้อยชั้นรายล้อมรอบพวกเรา หน้าต่างหลายบานถูกทำลาย มีร่างคนถูกผูกคอห้อยแกว่งไกวอยู่ตามไฟถนนสองข้างทาง หลายศพคงอยู่ที่นั่นมานานจนผิวและเนื้อเน่าหลุดลงพื้น ก๊าซเน่าในตัวส่งผลให้ร่างบวมอืด หน้าบวมเละและเสื้อผ้าโป่งออกตาม
"เด็กนั่นใกล้เข้ามาแล้ว" ลูกผมพูดพลางชี้ไปทางถนนข้างหน้า พวกเราเตรียมพร้อมกำอาวุธในมือแน่น ในสถานการณ์อื่น มันอาจฟังดูตลกน่าดูที่พวกเราพากันกลัวเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แค่คนเดียว เธอยืนอยู่ตรงนั้น ปากยังถูกเย็บปิดและดวงตาเบิกกว้างดำขลับ ผิวขาวซีดมีลายเส้นเลือดสีดำเน่าๆ กระจายทั่วร่าง
ผมได้ยินเสียงเธอในหัว "เทพเจ้าแห่งกลโกธาต้อนรับพวกคุณทุกคน" เธอพูด ผมบอกได้ว่าทุกคนได้ยินเสียงเธอเพราะพวกเขาเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ "นี่เป็นโอกาสสุดท้าย ถ้าอยากไปต่อก็ต้องทำการสังเวย เอาเด็กนั่นมาให้เรา เขาจะได้รับการดูแลอย่างดี เขาจะไม่มีวันตาย ไม่มีอะไรที่นี่ที่ตายไปได้จริง"
จนท. เชียยกปืนขึ้นยิงเธอเข้าที่หน้าอกส่งร่างเธอผงะไปข้างหลัง เสียงในหัวหยุดกะทันหัน
"วิ่งเร็ว!" แอนโทนี่ตะโกน "พวกมันมากันแล้ว ผมหันไปมองและเห็นเด็นทั้งหญิงและชายเป็นโหลพากันวิ่งออกมาจากตึกร้าง ทุกคนโดนเย็บปาก บางคนสวมชุดเก่าสกปรกขาดรุ่งริ่งขณะที่บางคนสวมเสื้อผ้าที่ดูใหม่กว่า พวกเราออกวิ่ง ผมอยู่หลังลูกเพราะรู้ว่าเขาวิ่งช้ากว่าคนอื่น กองทัพศพเด็กวิ่งใกล้เข้ามาทุกที ผมรู้สึกมีมือคว้าจับเสื้อผมจากข้างหลัง ผมหันไปจ่อปืนใส่เป้าที่อยู่ใกล้สุด เด็กผู้ชายใส่ชุดสูทที่ดูเหมือนหลุดมาจากสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง หัวข้างหลังเขาระเบิดกระจุยหลังผมเหนี่ยวไกเข้าหน้าผาก
ตอนนั้นเอง กองทัพศพเด็กหยุดวิ่ง ตาเบิกกว้างขณะพวกเขามองดูเลือดข้นเป็นก้อนและชิ้นส่วนสมองกระจัดกระจายเต็มถนน พวกเขาใช้มือกอบมันขึ้นมาใส่ปากที่ถูกเย็บปิดพยายามดูดกินอย่างหิวโหย
พวกเราวิ่งห่างออกมาได้พอสมควร จนท.เชียวิ่งนำ ตามด้วยมากาเรต แอนโทนี่และผมปิดท้าย วิ่งไปตามถนนร้างจนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงวิ่งตามอีกต่อไป
"หยุดก่อน" ผมพูด สองมือเท้าหัวเข่าหอบหายใจ "พักก่อนๆ" แอนโทนี่หอบหายใจอยู่ข้างผม
จนท.เชียกับมากาเรตหันมามองเรา "เอาไงต่อดี" มากาเรตถาม
ผมมองลูก "ลูกรู้มั้ยว่าจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง?" ผมถามและแปลกใจที่เห็นเขาพยักหน้า
"ผมเห็นจากจิตของเด็กคนนั้นตอนเธอพูดกับเรา มีบ่อน้ำแห่งหนึ่งอยู่กลางเมือง มันเป็นที่ที่พวกเขาไปกันตอนต้องการเด็กคนใหม่มาสังเวย"
"งั้นก็ไปกันเลย" จนท.เชียพูด ขยับให้แอนโทนี่เคลื่อนมาข้างหน้า "นำไปเลยเจ้าหนู พวกเราจะปกป้องเธอเอง เราออกไปจากนรกนี่กันเถอะ"
แอนโทนี่พยักหน้าแล้วเริ่มออกเดินขาสั่นระริก พวกเราตามเขาไปบนถนนขนาดหกเลน
"น่าจะทางนี้ฮะ" เขาพูดพลางชี้ไปทางแถวตึกมากมายข้างหน้า
ตอนนั้นเอง พวกเราได้ยินเสียงเทพเจ้าแห่งความบ้าบิ่นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้ดังมาจากฟ้าแต่ดังมาจากถนนข้างหลัง พื้นเริ่มสั่นสะเทือน ข้างหลังเรา มีสัตว์ประหลาดสูงหลายสิบฟุต โครงหน้าเหมือนกะโหลก กระดูกกรามที่ส่งเสียงกรอดๆ แบบเดียวกันและฟันแหลมคม แต่ตอนนี้มันยืนอยู่บนร่างเพรียวบางเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยตุ่มก้อนหนองและรอยเฆี่ยนลึกตามผิวหนังทุกตารางนิ้ว
"ขอบใจที่เอาเหยื่อมาให้ข้าถึงที่" มันพูดด้วยเสียงราวกับน้ำตก แต่ละพยางค์กระทบกันและทำให้เกิดแผ่นดินไหว ไม่มีทางที่เราจะเอาชนะมันได้ ถึงแขนและขาของมันจะผอมแห้งและมีกระดูกโผล่ให้เห็นจากบาดแผลนับไม่ถ้วน แต่มันเคลื่อนไหวรวดเร็วและตัวสูงเอามากๆ
มากาเรตหันมามองผมเป็นครั้งสุดท้าย" พาลูกออกไปจากที่นี่" เธอกระซิบพลางเหลือบไปมองแอนโทนี่ "ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม พาลูกออกไปจากที่นี่ให้ได้" จากนั้นมากาเรตออกวิ่งตรงไปทางไอ้เทพเจ้าแห่งความบ้าคลั่ง หัวของมันหันตามอย่างรวดเร็ว ตาสีเงินของมันมองตามการเคลื่อนไหวของมากาเรตด้วยความแปลกใจ มือยาวแหลมเอื้อมไปคว้าเธอแต่มากาเรตวิ่งหลบเข้าตรอกเล็กๆ สัตว์ประหลาดร้องลั่นวิ่งตามเธอ
"วิ่งเร็ว!" จนท.เชียตะโกน ผมอยากช่วยเมียแต่ก็รู้ว่าจนท.เชียพูดถูก มากาเรตยอมสละชีวิตเพื่อลูกเรา ถ้าไม่หนีตอนนี้ ชีวิตเมียผมจะสูญเปล่า ด้วยน้ำตาอาบแก้ม ผมผลักลูกให้ออกวิ่ง
"ไปเร็วแอนโทนี่!" ผมตะโกน
"แต่..แต่แม่ล่ะฮะ?" เขาเริ่มร้องไห้
"ไปเถอะน่า!" จากนั้นพวกเราออกวิ่ง ควันดำบนฟ้าเคลื่อนเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว หูได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ผมรู้ว่าเป็นเสียงมากาเรต ผมรู้สึกเหมือนใจจะขาด
พวกเราเห็นบ่อน้ำที่แอนโทนี่พูดถึงข้างหน้าห่างออกไปไม่กี่ร้อยฟุต มีควันสีดำลอยออกมาจากบ่อนั่น
จากนั้นศพเด็กเป็นร้อยเริ่มคลานและวิ่งออกมาจากทุกถนนและตรอกซอกซอยรอบบ่อน้ำ พวกมันหยุดและจ้องมองมาที่เราด้วยดวงตาขุ่นขาว
"ผมมีไอเดีย" จนท.เชียพูดตามองที่ผมแล้วยิ้ม "แต่คุณจะไม่ชอบมันแน่" จบคำเขาวิ่งเข้าใส่กองทัพศพเด็ก มือเหนี่ยวไกไม่ยั้งเล็งไปที่ศพเด็กที่ตอนนี้ล้อมรอบตัวเขา ผมรู้ว่ากระสุนเขาไกล้หมดแม็กซ์แล้ว
เขาหันกลับมามองผมเป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาคลอและสีหน้าหวาดกลัว เขายกปืนจ่อใส่ปากแล้วเหนี่ยวไก
"ไม่!!!" ผมร้องเสียงหลง
ทั้งหัวด้านหลังเขาระเบิดเหมือนลูกโป่งแตก กองทัพศพเด็กกรูเข้าหาเอามือกอบเลือดและสมองเข้าปากที่ถูกเย็บไว้
ผมอุ้มแอนโทนี่แนบอกวิ่งสุดกำลัง
แล้วกระโจนลงบ่อน้ำ..
***
ผมฟื้นขึ้นมาที่ชายแดนของเมืองมีผู้คนมากมายในชุดป้องกันไวรัส มีเจ้าหน้าที่จำนวนนับไม่ถ้วนในรถเอสยูวีสีดำไม่มีป้ายทะเบียนจอดขวางพรมแดนเมือง ชายคนหนึ่งในชุดป้องกันไวรัสเดินเข้ามาฉายไฟฉายใส่ตาผม และอีกคนหนึ่งทำแบบเดียวกันกับแอนโทนี่ที่นอนอยู่ข้างๆ จากนั้นผมหมดสติไปอีกครั้ง
ต่อมา ผมฟื้นขึ้นอีกครั้งในสถานพยาบาล ล้อมรอบด้วยเจ้าหน้าที่สองสามคนในชุดสูทสีดำ พวกเขาไม่ยอมบอกว่ามาจากหน่วยงานไหน บอกแค่ว่าทั้งเมืองมีโรคพิษสุนัขบ้ากลายพันธุ์ระบาด ผมส่ายหน้า
"มีศพเด็กผู้หญิงที่ปากถูกเย็บ" ผมพูดและพวกเขาหัวเราะ
"ผู้รอดชีวิตคนอื่นก็พูดแบบนี้" หนึ่งในเจ้าหน้าที่พูด "น่าจะเป็นฮิสทีเรียหมู่ อาจเป็นอาการประสาทหลอนจากความเครียดที่ต้องทนเห็นการระบาดที่น่ากลัวแบบนั้น แต่พวกเรากักตัวทั้งเมือง จนถึงตอนนี้ เราสามารถกันเรื่องนี้ไม่ให้ออกสื่อได้ เราไม่อยากให้คุณพูดถึงสัตว์ประหลาดหรืออะไรพวกนั้น”
ผมเลิกฟังหลังจากนั้น เพราะรู้ว่าถึงพูดไปก็ไม่มีใครเชื่ออยู่ดี
พวกเขาไม่เคยพูดถึงจำนวนศพที่หาไม่พบ รวมถึงศพของเมียผมและ จนท. เชียที่เสียสละตนเองเพื่อรักษาชีวิตของเราเอาไว้ พวกเขาไม่เคยอธิบายว่าโรคพิษสุนัขบ้ากลายพันธุ์คร่าชิวิตคนเป็นร้อยจนกองทับถมกันเป็นภูเขาภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงได้ยังไง
ตั้งแต่นั้น ผมกับลูกย้ายออกจากเมืองไปอยู่ที่อื่นไกลแสนไกลจากที่นั่น เราทิ้งเรื่องเลวร้ายไว้เบื้องหลังและเริ่มใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง
แต่เมื่อคืน.. ตอนผมกำลังผล็อยหลับ ผมฝันถึงเทพเจ้าแห่งความบ้าบิ่นและเสียงฟันกระทบกันดังกึ่กๆๆ ดวงตาสีเงินเหมือนแมลงเงาวับ มันบอกผมว่ามันจะมาหาผมอีกครั้งในไม่ช้า
ตอนตื่น ผมเห็นรอยเท้าดำเหมือนลิ่มเลือดที่ข้างเตียงผมบนพื้น..
--- จบบริบูรณ์ ---
################
Credit: https://www.reddit.com/r/nosleep/comments/11wsvvs/i_was_a_911_operator_i_still_remember_the_call/
0 ความคิดเห็น