จอร์จนั่งหาวพลางขยับไปมาอย่างเบื่อๆ อยู่บนพื้นพรม แสงจากโคมไฟข้างเตียงสะท้อนบนผมบลอนด์ของเขาขณะเขาใช้นิ้วชี้พันผมเป็นลอนกระจุกเล็กๆ เล่น จากนั้นปล่อยผมตกเข้าที่ แล้วพันผมรอบนิ้วชี้อีกครั้งซ้ำๆ ไปเรื่อย
เขาดูเบื่อ เห็นได้ชัดว่าเขาตกลงมานอนค้างบ้านผมเพราะเห็นว่าผมเป็นเด็กใหม่ในห้องเรียนและเขาอยากรู้ว่าผมมาจากบ้านประเภทไหนและมีความเป็นอยู่ยังไง แต่ดูเหมือนตอนนี้เขาออกจะผิดหวังนิดๆ
"ไหนนายบอกว่ามีเกมเพลสเตชั่น 4 ไง" จอร์จถาม
"ไม่มีหรอก" ผมพูด "ว่าแต่เรามาเล่นเกมอื่นกันดีป่ะ?"
จอร์จมองไปรอบห้องนอนผมราวกับเขาหวังว่าเกมจะโผล่มาอย่างปาฏิหาริย์อย่างนั้นแหละ พวกเราขึ้นมาเล่นกันข้างบนตั้งแต่กินข้าวเย็นเสร็จ เขาเดินสำรวจห้องผมและเราคุยเล่นกันนิดหน่อย จากนั้นนั่งดูเน็ตฟลิกด้วยกันไปเรื่อยเปื่อย ตอนแรกทุกอย่างก็โอเคดี แต่พอฟ้าข้างนอกเริ่มมืด ดูก็รู้ว่าตอนนี้จอร์จเบื่อสุดๆ ผมเลยชวนเขาเล่นอย่างอื่น
"ผลัดกันเล่าเรื่องผีเนี่ยนะ? นั่นมันน่าเบื่อออก" จอร์จก้มดูนาฬิกาบนข้อมือ ผมมองตามสายตาเขา นาฬิกาของจอร์จเป็นสิ่งแรกที่ผมสังเกตเห็นเกี่ยวกับเขา ตอนนั้นเขานั่งอยู่หน้าผมในชั้นเรียนภาษาอังกฤษ และผมเห็นนาฬิกาเขาสะท้อนแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างห้องเรียนเข้ามา มันสวยน่าดู มันต่างจากนาฬิกาเด็กทั่วไป นาฬิกาของจอร์จดูเหมือนนาฬิกาผู้ใหญ่ ผมชอบ.. มันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมชวนเขามานอนค้างที่บ้าน
"ฉันขอลองใส่นาฬิกานายหน่อยได้รึเปล่า?"
"จอร์จเงยหน้าขึ้นมองผมแล้วขมวดคิ้ว "ว่าไงนะ?"
"นาฬิกานายน่ะ ขอฉันลองใส่ดูหน่อยได้ป่าว? มันเท่ดี"
จอร์จมองผมอยู่สองวินาที ยกมือหนึ่งแตะสายนาฬิการาวกับจะเช็กให้แน่ใจว่ามันยังอยู่บนข้อมือ "โทษที ฉันไม่ให้ใครลองนาฬิกาหรอก พ่อฉันบอกว่าห้ามให้ใครลองใส่เด็ดขาด" เขามองไปรอบห้องอีกครั้ง กวาดตาจากประตูห้องไปยังหน้าต่างมืด จากนั้นถอนหายใจ "โอเค จะเล่นไอ้เกมน่าเบื่อนั่นก็ได้ ฉันต้องทำยังไง?"
ผมทำเป็นไม่เห็นสีหน้าเบื่อหน่ายของเขาแล้วยิ้ม "ง่ายๆ เลย แค่ผลัดกันเล่าเรื่องน่ากลัว ใครเล่าได้น่ากลัวที่สุดคนนั้นชนะ"
จอร์จมองบนพลางเหยียดขายาวๆ ไปข้างหน้า "ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะเล่าว่ะ อีกอย่าง ตอนนี้อย่างง่วงเลย อยากนอนเต็มทีแล้ว"
"เถอะน่า แค่คนละเรื่องก็ยังดี นายต้องรู้อย่างน้อยสักเรื่องล่ะ ใครๆ ก็มีเรื่องเล่ากันทั้งนั้น" ผมหยุดเพื่อสังเกตสีหน้าจอร์จ "หรือว่านายกลัว?"
"ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้นแหละ!" จอร์จขมวดคิ้ว "ฉันดูหนังผีมาไม่รู้ตั้งกี่เรื่องแล้ว!"
ผมไม่ได้พูดอะไร แค่มองเขาแล้วยิ้ม หลังจากสองสามวินาทีผ่านไปจอร์จถอนใจ "ก็ได้ๆ เล่นก็ได้ แต่พอนายทำฉันกลัวไม่สำเร็จเป็นอันจบนะ ฉันอยากนอนเต็มทีแล้ว"
****
จอร์จเริ่มเล่าก่อน
เรื่องเล่าของเขาก็ไม่เลว แต่ไม่มีเรื่องไหนที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน เรื่องมีอยู่ว่า มีเด็กสองคนเป็นพี่น้องกัน คนพี่ถูกรถชนตาย หลังเสร็จจากงานศพ คนเป็นแม่ส่งคนน้องไปซื้อตับที่ตลาดเพื่อมาทำเป็นกับข้าว แต่ไอ้เด็กนั้นดันไปขุดศพพี่ขึ้นมาแล้วผ่าเอาตับพี่กลับมาบ้านแทน ตกดึกคืนนั้น ผีคนพี่เลยมาฆ่าน้องเพื่อล้างแค้น
เรื่องมันก็น่ากลัวดีอยู่หรอก แต่ผมได้ยินมาเป็นร้อยรอบแล้ว แต่ผมไม่ได้บอกเขานะ ผมทำหน้าตาตื่นเต้นแถมแกล้งสะดุ้งด้วย จอร์จเริ่มเล่าอย่างเมามัน โบกไม้โบกมือพลางเล่าเรื่อง นาฬิกาของเขาสะท้อนแสงโคมไฟเป็นประกาย
พอเล่าจบ เขาเอนหลังพิงผนังห้อง ปัดผมบลอนด์เป็นลอนไปข้างหลังแล้วยิ้มกว้าง "ฉันนึกว่านายจะฉี่ราดซะแล้ว ฮ่าๆๆ!" นายจะยอมแพ้ตอนนี้เลยก็ได้นะ เพราะยังไงฉันก็ไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว"
ผมมองเขา ตอนนี้ทั้งบ้านเงียบกริบ เงียบมาหลายชั่วโมงแล้ว ตอนเราเพิ่งเดินขึ้นห้องมา ยังมีเสียงทีวีและเสียงล้างจานดังมาจากชั้นล่าง แต่ตอนนี้บ้านเงียบสนิท มีแค่เสียงลมพัดกิ่งไม้ไหวนอกหน้าต่างและเสียงรถแล่นผ่านถนนไกลออกไปแค่นั้นเอง ผมยิ้ม..
"นายไม่กลัวอะไรเลยจริงเหรอ?"
"แน่นอน"
"แม้แต่เรื่องจริงก็ไม่กลัวเหรอ?"
จอร์จหัวเราะเสียงดัง "อย่ามาแกล้งทำให้กลัวหน่อยเลย เร็วๆ รีบเล่ามาเหอะ ฉันง่วงแล้ว"
"โอเคๆ" ผมขยับเข้าใกล้จอร์จจนหัวเข่าเราเกือบชนกัน จอร์จขมวดคิ้วแต่ไม่ได้ขยับหนี
"เรื่องที่ฉันจะเล่ามันเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่ง" ผมเริ่ม "ครอบครัวที่ภายนอกดูธรรมดา แต่ที่จริงแล้วผิดปกติเอามากๆ"
จอร์จมองบนอีกรอบ พูดตามตรงว่าเขาเริ่มจะทำผมรำคาญเอาเรื่องแต่ผมแกล้งทำเป็นไม่เห็นแล้วเล่าต่อ
"ครอบครัวนี้ย้ายที่อยู่บ่อย พวกเขาไม่เคยอยู่ที่เดียวนานเกินไป พวกเขาปลอมตัวเก่ง เก็บความลับเก่ง แต่พวกเขาจะเสี่ยงอยู่ที่ที่เดียวนานเกินไปไม่ได้ ถ้าอยู่นานเกินสองสามอาทิตย์ ใครบางคนอาจรู้ตัวตนจริงๆ ของพวกเขา
"แล้วจริงๆ พวกเขาเป็นตัวอะไรล่ะ?"
ผมอยากบอกจอร์จให้หยุดพูดขัด ให้นั่งฟังเงียบๆ แต่ห้ามปากตัวเองแล้วยิ้ม
"ครอบครัวนั่นเป็นปีศาจ" ผมพูด "พวกเขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่ง คร่าชีวิตเด็กคนแล้วคนเล่าไปเรื่อยๆ"
ผมหยุด กะว่าจอร์จจะพูดขัดขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็เปล่าเขาแค่จ้องผมตาไม่กระพริบ ใช้นิ้วชี้ม้วนผมไปมา
"ครอบครัวนี้ทำตามขั้นตอนที่เฉพาะเจาะจง พอย้ายที่อยู่ใหม่ พวกเขาจะหาบ้านที่ไม่มีคนอยู่ ไม่ใช่บ้านร้างนะ เป็นบ้านธรรมดาที่ปกติมีคนอยู่แต่ไปเที่ยวที่อื่นสักสองสามอาทิตย์"
"พวกเขาย้ายเข้าบ้านหลังนั้นและใช้ลูกตัวเองเป็นกับดัก โดยส่งลูกไปทำความรู้จักกับเด็กคนอื่นในละแวกเดียวกัน อาจจะที่สวนสาธารณะ หรือตามโรงเรียนโดยใช้ชื่อปลอม ปกติแล้วในตอนนั้นทั้งครอบครัวกำลังหิว.. หิวเอามากๆ.. แต่พวกเขายังไม่ทำอะไรนะ เพราะรู้ว่าต้องอดทนรอ"
ผมหยุดเล่า หายใจเข้าเต็มปอดช้าๆ นี่เป็นเรื่องที่ผมเคยเล่ามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนและทุกครั้งที่เล่าแทนที่จะรู้สึกเบื่อ ผมกลับรู้สึกชอบใจมากขึ้นทุกที เคล็ดลับคือต้องไม่รีบ.. ค่อยๆเล่าไปเรื่อยๆ..
ตอนขึ้นมาที่ห้อง ผมเปิดหน้าต่างทิ้งไว้และตอนนี้มีลมหนาวยะเยือกพัดผ่านม่านบางๆ ข้างหลังจอร์จเข้ามา กิ่งไม้สั่นกราวข้างนอกพร้อมใบไม้ไหว จอร์จมองผมไม่พูดอะไร ผมรู้ว่าเขากำลังตั้งฟัง
" พ่อแม่ของเด็กคนนั้นไม่ต้องรอนาน" ผมเล่าต่อ" พวกเขาไม่เคยต้องรอนาน.. เพราะพวกเขาสอนลูกมาดี นายต้องเข้าใจนะ ว่าเด็กนั่นไม่ได้ถูกใช้ เขาอาจจะอายุยังน้อยแต่เขารู้ดีว่าจะเล่นเกมนี้ยังไง พอครอบครัวนี้เข้าอยู่ในละแวกนี้ได้สักพัก อาจจะสองสามวันหรือนานสุดไม่เกินอาทิตย์ คนลูกจะตัดสินใจเลือกเพื่อนใหม่เพื่อชวนมานอนค้างที่บ้าน เขายังเด็กเกินกว่าจะได้ลิ้มรส เขาต้องโตกว่านี้ก่อน แต่พ่อกับแม่เขาให้ *รางวัล* เขาทุกครั้ง
"รางวัลอะไร?" จอร์จมองผมตาไม่กระพริบ นิ้วชี้ยังม้วนผมเรื่อยๆ ซ้ำๆ
"เขาจะได้ของของเด็กคนนั้น" ผมตอบ "ใครก็ตามที่เขาเลือก เขาจะได้ของของเด็กคนนั้นมาเป็นของตัวเองหลังจากพ่อแม่ของเขาจัดการกับเด็กคนนั้นเสร็จ"
มีเสียงปิดประตูดังปังมาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของตัวบ้านชั้นล่าง จอร์จละสายตาจากผมหันไปทางประตู จากนั้นหันกลับมามองที่ผม ผมยิ้ม..
"แล้ว.." จอร์จจ้องผมตาไม่กระพริบขณะพยายามคิดหาคำถามในหัว "แล้วพ่อแม่ของเด็กนั่น.. พวกเขาทำอะไรกับเด็กที่พวกเขาพามาบ้าน?"
"อ๋อก็กินเด็กน่ะสิ" ผมตอบ "พวกเขากรีดท้องเหยื่อตอนที่เหยื่อยังกรีดร้องลั่นแล้วดึงเอาตับไตเครื่องในทุกอย่างออกมากินจนเกลี้ยงไม่มีอะไรเหลือ" ผมแสยะยิ้ม มีเสียงพื้นไม้ลั่นที่ไหนสักแห่งข้างใต้เรา
แสงจากโคมไฟทำให้ผิวของจอร์จดูซีดเผือด ริมฝีปากของเขาเผยอเปิดเล็กน้อยขณะตาจ้องตาผม "แต่พวกเขาหนีความผิดได้ยังไง พ่อแม่ของเหยื่อไม่มาตามที่บ้านหลังนั้นในวันรุ่งขึ้นหรือไงถ้าเห็นว่าลูกตัวเองหายไปน่ะ?
ผมยิ้มให้จอร์จ หวังอยู่ว่าเขาจะถาม" ถึงตอนนั้นครอบครัวปีศาจก็หนีไปนานแล้ว" ผมตอบ "พวกเขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับเงามืด พอแม่เด็กมาตามหาก็ไม่พบอะไรอื่นนอกจากบ้านเปล่าๆ ที่เป็นของคนอื่น"
เสียงพื้นไม้ลั่นอีกครั้ง คราวนี้ดังกว่าเดิมและเราทั้งสองคนได้ยินมันชัดเจน เสียงดังมาจากโถงทางเดินข้างนอกห้อง จอร์จหันขวับไปมองประตูตาเบิกกว้างหน้าซีดเผือด "นั่นเสียงอะไรน่ะ?"
"อ๋อ.. ก็แค่เสียงไม้ลั่นน่ะ" ผมโกหก "ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกจอร์จ"
ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือของจอร์จ ในใจคิดว่าจะเป็นยังไงถ้าผมเป็นคนใส่มันเสียเอง
ตอนนี้เสียงจากโถงทางเดินข้างนอกเคลื่อนใกล้เข้ามา และไม่ได้มีแค่เสียงแผ่นไม้ลั่นอย่างเดียวอีกต่อไป ถ้าเงี่ยหูฟังดีๆ.. จะได้ยินเสียงอื่นที่ไม่เหมือนเสียงอื่นใดในโลกนี้ปนอยู่ด้วย..
-- จบบริบูรณ์ --
##################
❤️ credit: https://www.reddit.com/r/samhaysom
0 ความคิดเห็น