ตอนอายุแค่สิบขวบ ฉันถูกส่งตัวขึ้นเครื่องบินข้ามประเทศไปอยู่กับพ่อที่ฉันเองไม่เคยพบมาก่อน
นักสังคมสงเคราะห์บอกว่าพ่อเป็นทหารผ่านศึกและอาศัยอยู่อีกฟากหนึ่งของประเทศ แม่ของฉันเพิ่งตายจากไปเพราะโดนรถชนและสังคมสงเคราะห์ตรวจสอบแน่ใจแล้วว่าพ่อจะเป็นคนรับช่วงดูแลฉันต่อฉันตั้งความหวังเอาไว้ต่างๆ นานาและแอบกลัวหลายๆ อย่างเกี่ยวกับการพบพ่อครั้งแรก แต่แท้ที่จริงแล้ว เขาแค่น่าเบื่อและน่าผิดหวัง ตั้งแต่มาถึง พ่อปฎิบ้ติกับฉันเหมือนฉันเป็นสัตว์เลี้ยงที่เขาไม่ต้องการ เขาแค่ให้ที่อยู่ที่กินฉัน แต่เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ของเราไปได้ไกลแค่นั้นจริงๆ ไม่มีอะไรอื่น ฉันยังจำวันแรกที่พ่อไปรับฉันที่สนามบินได้ดี ฉันเป็นเด็กตัวเล็กๆ ขี้กลัว และพ่อดูเบื่อหน่าย ถอนใจอย่างรำคาญพลางเดินนำฉันไปที่รถ
"ฟังนะ" พ่อพูดขณะขับรถกลับบ้าน "ฉันไม่ชอบเด็กสักเท่าไหร่ ฉันอยู่ของฉัน ส่วนเธอก็อยู่ของเธอไป ตกลงมั้ย?"
ฉันไม่รู้ว่าจะตอบอะไร ได้แต่พยักหน้าอย่างประหม่าจากเบาะหลัง
"ดีแล้ว" เขาพูดพลางมองฉันจากกระจกส่องหลัง
ถ้าฉันผิดหวังในตัวพ่อ ฉันก็ผิดหวังเป็นสองเท่าเกี่ยวกับบ้านที่ต่อไปจะเป็นที่อยู่ใหม่ของฉัน จากด้านนอก บ้านดูเล็กนิดเดียว และข้างในสกปรกฝุ่นหนาเหมือนไม่เคยมีใครกวาดทำความสะอาดมาเป็นปี มันมีกลิ่นเหม็นอับเหมือนไม้เน่าและหมาไม่ได้อาบน้ำ ทั้งๆ ที่เราไม่มีสัตว์เลี้ยงสักตัว ห้องของฉันเป็นแค่ฟูกที่นอนเล็กๆ ในห้องใต้หลังคา
ตามที่พ่อเคยพูดไว้ เขาเมินเฉยกับฉันและใช้ชีวิตของเขาไปเรื่อย มีแค่กิจวัตรประจำวันง่ายๆ คือนั่งดูทีวีในบ้านพลางจิบเบียร์ตลอดวันก่อนจะเดินออกไปที่บาร์ช่วงหัวค่ำแล้วกลับมาบ้านตอนดึก พ่อไม่เคยตบตีหรือทำร้ายฉัน และก็ไม่ได้ว่าอะไรถ้าฉันจะใช้เวลาอยู่ในห้องรับแขกกับเขาด้วยตราบเท่าที่ฉันไม่ส่งเสียงดังรบกวนเขา แต่ท่าทีถอนใจอย่างเบื่อหน่ายตอนฉันขออะไรเขาสักอย่างหรือทำเสียงดังเกินไปก็ยังทำฉันเสียใจอยู่ดี
ถึงฉันจะเกลียดการใช้ชีวิตที่นี่ แต่ต้องยอมรับว่าพื้นที่หลังบ้านยอดเยี่ยมมากเลยล่ะ สวนหลังบ้านกว้างขวางพร้อมป่าทึบที่ทอดยาวออกไป ฉันชอบแสร้งทำตัวเป็นนักสำรวจที่ค้นพบดินแดนใหม่ ต้นไม้โบราณแต่ละต้นเป็นปริศนาน่าพิศวง เสียงร้องของสัตว์แต่ละชนิดหรือลูกอ๊อดถือเป็นการค้นพบใหม่ และทุกครั้งที่ฉันเดินลึกเข้าไปในป่า มันแทบเหมือนกับว่าฉันได้ละทิ้งความเศร้าโศกไว้เบื้องหลัง ถึงแม้จะแค่เพียงชั่วคราวก็เถอะ วันหนึ่ง ฉันบังเอิญเดินไปพบพื้นที่โล่งขนาดใหญ่ที่มีต้นวิลโลว์โบราณตั้งอยู่ กิ่งก้านของมันยื่นยาวทอดลงมาแตะพื้นราวกับว่าแขนของมันหนักเกินกว่าจะแบกไหว
แต่สิ่งที่ฉันเห็นบนก้านไม้ทำใจฉันแทบหยุดเต้น มันคือแม่ของฉัน เธอสวมชุดเดรสสีส้มชุดโปรด กำลังฮัมเพลง พลางแกว่งขาไปมาเบาๆ ฉันมองเห็นเธอจากด้านหลัง แต่ไม่ผิดแน่ นั่นแม่ของฉันแน่ๆ
สัญชาติญาณบอกให้ฉันวิ่งหนีไปให้ไกล ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เพราะแม่ตายไปแล้ว มันต้องเป็นภาพลวงตาแน่ แต่ฉันไม่แคร์ ฉันร้องไห้โฮแล้ววิ่งไปหาเธอ กอดเอวเธอเอาไว้แน่น
ฉันร้องไห้สะอึกสะอื้น บอกแม่ว่าคิดถึงแม่แค่ไหน ฉันสัญญาว่าจะเป็นเด็กดีขอเพียงให้แม่กลับมา เธอลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน ฉันร้องไห้ฟูมฟายอยู่นานจนผล็อยหลับไป พอตื่นมา เธอก็หายตัวไปแล้ว
ฉันหาเธอไม่พบในวันรุ่งขึ้น แต่ก็ได้พบเธออีกครั้งในวันต่อมา เธอหันหลังให้ฉันและดวงอาทิตย์สาดแสงกระทบชุดเดรสสีเหลืองของเธอ ใจฉันเต้นแรงเร็ว เธอเหลียวมามองฉัน
"หวัดดีค่ะ" ฉันพูดเบาๆ
"หวัดดี" เธอพูดด้วยเสียงแม่ของฉัน แต่มีบางอย่างแตกต่างออกไป มันฟังดูเฉยชากว่า
"หนู.. ขอนั่งด้วยได้มั้ยคะ?"
เธอพยักหน้า
ฉันเดินเข้าใกล้อย่างหวั่นๆ
"คุณไม่ใช่แม่จริงๆ ของหนูใช่มั้ยคะ?"
"ไม่" เธอตอบเบาๆ อย่างอ่อนโยน
"งั้นคุณเป็นใครเหรอคะ?"
ความเงียบงันเข้าปกคลุมระหว่างเราทั้งคู่ เธอมองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่ฉันเองก็อ่านไม่ออก ฉันลองถามคำถามอื่นอีกครั้ง
"แล้ว คุณมีชื่อมั้ยคะ?"
เธอเงียบอยู่นานมากจนฉันไม่คิดว่าเธอจะตอบแล้วตอนเธอพูด
“ซาร่า”
ฉันเริ่มถามคำถามเธอมากขึ้น แต่เธอไม่ตอบหรือถ้าตอบก็ตอบเพียงสั้นๆ และอย่างช้าๆ ฉันเริ่มพูดถึงตัวเองแทนเพื่อคลายความอึดอัดใจ เราคุยกันอยู่พักหนึ่ง (ฉันเป็นคนพูดเองเสียส่วนมาก) ก่อนที่แสงจะสลัวลงทุกทีและฉันตัดสินใจกลับบ้านในที่สุด แต่ก่อนไปฉันถามเธอว่าฉันจะไปเยี่ยมเธออีกได้ไหมและเธอตอบตกลง ฉันรู้ว่าการไปเยี่ยมหญิงลึกลับที่หน้าตาเหมือนแม่ที่ตายไปแล้วของฉันใกล้หนองน้ำในป่าลึกเป็นความคิดที่โง่เขลาและอันตราย แต่ฉันก็ยังจะไป
แม่ตัวปลอมของฉัน หรือคุณซาร่าไม่ใช่เรื่องน่าสนใจเดียวที่เกิดขึ้นในอาทิตย์นั้น เช้าวันหนึ่งตอนเดินลงไปหาพ่อข้างล่าง ฉันเห็นพ่อกำลังคุยกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในห้องนั่งเล่น พวกเขากำลังแพคข้าวของดูเหมือนจะออกไปล่าสัตว์กัน ฉันแปลกใจเพราะไม่เคยเห็นพ่อพูดเยอะแบบนี้มาก่อนแถมยังดูมีความสุขน่าดู ชายแปลกหน้าหันมามองฉัน
"นี่ใครกันเนี่ย?"
"อ๋อ นั่นลาซี่ ลูกสาวดาร์ลีนน่ะ จำดาร์ลีนได้ใช่มั้ย? นั่นลูกฉันเอง"
"นี่ฉันมีหลานสาวเหรอเนี่ย?" ชายแปลกหน้าพูดน้ำเสียงตื่นเต้น
เขาเดินมาทางฉันแล้วเชคแฮนด์ ลุงของฉันชื่อ "เดล" ตอนแรกฉันดีใจนะที่ได้พบลุงเป็นครั้งแรก แต่หลังๆ มานี้ ฉันเริ่มกลัวลุงมากขึ้นทุกที
ผมของเขาลีบแบนและมันเยิ้ม และเขามักจะเช็ดมือเปื้อนเหงื่อบนกางเกงสกปรก ซึ่งไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากจะยิ่งทำให้ทุกอย่างสกปรกไปกันใหญ่ ฉันไม่เคยเห็นเขาเปลี่ยนชุดเลยและถ้าคิดถึงกลิ่นอับของกัญชากับเหล้าแล้ว ฉันแน่ใจว่าเขาไม่เคยซักชุดนั้นเลย แต่นั่นไม่ได้ทำให้ฉันรังเกียจลุง มันมีเหตุผลอื่น...
ด้วยความที่แม่เลี้ยงฉันมาแบบแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่สอนให้ฉันสังเกตสัญญาณอันตรายต่างๆ ของ "ผู้ใหญ่อันตราย" และเดลส่งสัญญาณทุกอย่างที่แม่เคยสอนไว้ เวลาลุงกอดฉัน เขาจะกอดแน่นและนานเกินความจำเป็น เขามักจะแตะบ่าฉันจากด้านหลังตอนฉันนั่งที่โต๊ะแล้วถามว่า "กล้ามเนื้อตึงเครียด" บ้างหรือเปล่า และเขาอยากให้ฉันนั่งตักตอนนั่งดูทีวีด้วยกันในห้องนั่งเล่น เขาเริ่มมาที่บ้านทุกวัน แต่ด้วยความที่ดูเหมือนพ่อจะมีความสุขที่ลุงมาเยี่ยม ฉันเลยไม่พูดอะไรมากและใช้เวลาออกไปข้างนอกมากขึ้นกว่าเดิม
ถ้ามองในแง่ดี ฉันเข้ากันได้ดีกับคุณซาร่า ถึงฉันจะกลัวหน่อยๆ ในตอนแรก แต่ตอนนี้ฉันแน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้ต้องการจะทำร้ายฉัน ฉันเริ่มไปเยี่ยมเธอทุกวัน เธอไม่ได้บอกอะไรฉัน แต่ฉันรู้สึกได้ว่าเธอเองก็ชอบมีฉันเป็นเพื่อน
"ทำไมคุณถึงดูเหมือนแม่ของหนูคะ?"
"เพื่อล่าเหยื่อ"
"ล่าเหยื่อเหรอคะ?"
"ใช่"
"ล่าหนูเหรอ?"
คุณซาร่ายิ้มน้อยๆ
"ไม่หรอก เธอไม่ใช่เหยื่อ"
งั้น.. คุณช่วยมาในแบบที่ไม่ใช่แม่หนูได้มั้ยคะ?"
เธอดูแปลกใจ "เธอไม่ชอบเหรอ"
"เปล่าค่ะ แต่ว่า.. คุณไม่ใช่แม่หนู" ฉันพูดแล้วร้องไห้โฮ "หนูรู้ว่าแม่หนูตายแล้ว หนูไม่ได้โง่ แต่ทุกครั้งที่หนูเห็นคุณมันทำให้หนูคิดถึงแม่ หนูจะแสร้งทำเป็นว่าคุณเป็นแม่หนูก็ได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว คุณก็ไม่ใช่แม่หนูอยู่ดี เพราะงั้น หนูอยากให้คุณปรากฎตัวเป็นตัวคุณเองดีกว่า"
เธอนั่งเงียบขณะฉันร้องไห้
"เข้าใจละ" เธอพูดเรียบๆ
แล้วสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็เกิดขึ้น ฉันรู้สึกสมองมืดมัวไปหมด จากนั้นครู่หนึ่งฉันมองไปที่คุณซาร่าและพบผู้หญิงที่ฉันไม่สามารถบอกอายุที่แน่นอนได้ เธอสวมชุดขาดรุ่งริ่งเก่าๆ ผิวและผมของเธอเป็นสีเข้ม และถึงตอนนี้เธอจะไม่ดูเหมือนแม่ของฉันอีกต่อไป แต่เธอยังคงนิ่งเงียบท่าทางเหมือนคุณซาร่าคนเดิม
"นี่ตัวจริงของคุณเหรอคะ คุณสวยจังเลย" ฉันพูด
เธอยิ้มแล้วลูบหัวฉันเบาๆ
แต่สถานการณ์ที่บ้านน่าอึดอัดมากขึ้นทุกที ลุงเดลตอนนี้ทำเหมือนบ้านพ่อเป็นบ้านของตัวเอง และเขาชอบมาตอนพ่อออกไปข้างนอกเพื่อ "ดูแลฉัน" ซึ่งทำเอาฉันกลัวเอามากๆ
แม้แต่ตอนนี้ที่หลายปีผ่านไปแล้ว ฉันยังจำสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นได้ดี พ่อออกไปข้างนอกเหมือนทุกวันและฉันอยู่บ้านคนเดียว กำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกตอนได้ยินเสียงล้อรถเสียดสีพื้นหน้าบ้าน
ลุงเดลเดินเข้าบ้านมาพร้อมถุงพลาสติกขนาดใหญ่สองใบในมือ ฉันขยับขึ้นนั่งตัวตรงและเขาส่งยิ้มน่าขยะแขยงให้ฉัน
"หวัดดีที่รัก" เขาพูด "อากาศร้อนน่าดูเลยว่ามั้ย ปิดทีวีซะแล้วมาดูอะไรนี่"
ฉันทำตามแล้วเดินไปหาลุง เขาคุกเข่าบนพื้นกำลังค้นบางอย่างในถุงพลาสติก จากนั้นเขาดึงผ้าผืนเล็กออกมาแล้วยื่นให้ฉัน ฉันคลี่มันออกและพบว่ามันเป็นเสื้อตัวจิ๋วสีชมพูสดมีคำว่า Baby ปักฉลุด้วยสีเงินระยิบระยับ ฉันมองเขาอย่างสับสน แต่เขาแค่ยิ้มให้ฉันอย่างตื่นเต้นและคาดหวัง
"ลองใส่ดูสิ!"
"เสื้อเนี่ยนะ?!" ฉันพูดอย่างไม่เชื่อหู มันขนาดเล็กกว่าไซส์ฉันอย่างน้อยสองไซส์ ปลายเสื้อคงยาวไม่ถึงสะดือด้วยซ้ำ
"มันเล็กเกินไป!"
"ไม่เอาน่า สาวๆ สมัยนี้ก็ใส่กันแบบนี้ทั้งนั้นแหละ ถ้าไม่ชอบเดี๋ยวดูชุดอื่นนะ ดูนี่สิ!"
เขาค้นดูในถุงอีกครั้งแล้วดึงเอาชุดหลายๆ ชุดออกมา ใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
มีชุดกะลาสีเรือสั้นๆ กับกระโปรงรัดรูป กางเกงขาสั้นตัวจิ๋วที่มีขอบเหมือนกางเกงใน ชุดเดรสเซ็กซี่ เสื้อครอปท็อบ และแน่นอนว่ามีกางเกงชั้นในแบบต่างๆ ที่ลุงพูดอย่างตื่นเต้นว่าเขาเป็นคนเลือกมันเองกับมือ
"ว่าไง จะลองชุดไหนก่อนดี?"
"ไม่เอา!"
"ไม่เอาน่า อย่าพูดอย่างนั้นสิ ลุงอุตส่าห์หามาให้นะ"
ฉันตอบปฏิเสธไปหลายครั้ง แต่ลุงเดลคะยั้นคะยอไม่หยุด และเริ่มใช้น้ำเสียงดุดันมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันกลัว
"ก็ได้" ฉันพูดหวั่นๆ
"เยี่ยมไปเลย!"
ฉันเลือกดูแล้วเลือกสิ่งที่ฉันคิดว่าดูเหมาะสมที่สุด ชุดเดรสปักเลื่อมสายสปาเก็ตตี้สีไวน์แดง ฉันหันจะเดินไปทางห้องน้ำเมื่อลุงเดลคว้าแขนฉันไว้
"จะไปไหนกัน?"
"ห้องน้ำ"
"ไม่ๆ เธอจะเปลี่ยนมันที่นี่"
“ว่าไงนะ?!”
“ฉันอยากเห็นตอนเธอสวมชุดนั่น จะได้แน่ใจว่าเธอใส่ถูกไงล่ะ”
เราเถียงกันอีกครั้ง แต่คราวนี้ลุงเดลหมดความอดทน น้ำเสียงแสดงความโกรธจัด เขาเริ่มตะโกนและโบกไม้โบกมืออย่างมีน้ำโห
"ใส่มัน ใส่ชุดนั่นที่นี่ เดี๋ยวนี้!! ชุดชั้นในด้วย ฉันอยากเห็นเธอใส่มัน!"
ฉันตัวสั่นร้องไห้สะอึกสะอื้นขณะลุงตะโกนโหวกเหวก
"เกิดอะไรกันขึ้น?"
เดลหันขวับไปเห็นพ่อยืนอยู่ที่ประตูหน้าสีหน้าเป็นกังวลและสับสนในเวลาเดียวกัน เราทั้งคู่ไม่ได้ยินเสียงรถพ่อขับเข้ามาที่หน้าบ้าน ฉันรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก ส่วนลุงเดลตาเบิกกว้างเลิกลั่ก
"ฉันซื้อเสื้อผ้าใหม่มาให้หลาน แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบ"
"ว่าไงนะ? จริงเหรอลาซี่?" พ่อถามฉัน
"ไม่ใช่นะพ่อ! หนู..." ฉันพูดไม่ออก
"ฉันคิดว่าหลานคงไม่มีเสื้อผ้าเยอะนักเพราะเพิ่งย้ายมา เลยอยากจะซื้อให้ใหม่สักสองสามชุด แต่หลานไม่ชอบน่ะ มันไม่สวยพอล่ะมั้ง"
"ลาซี่!" พ่อตะคอก
ฉันอยากปกป้องตัวเอง แต่ตอนนั้นมันเหมือนมีลูกบอลจุกคอหอยอยู่
"ลุงเค้าอุตส่าห์คิดถึงเรา ทำไมถึงทำตัวแบบนี้?" พ่อเดินเข้าใกล้ "เด็กอะไรไม่รู้จักบุญคุณคน..." เสียงพ่อหยุดกะทันหัน สายตาจ้องไปที่เสื้อผ้าตัวเล็กตัวน้อยกระจัดกระจายบนพื้น
ตาของพ่อเบิกกว้าง ลุงเดลพยายามเก็บเสื้อผ้าใส่ถุงอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ "เอ่อ.. ฉันไม่รู้ว่าเด็กเดี๋ยวนี้ชอบอะไรเลยให้พนักงานในร้านเลือกให้น่ะ ฉันแค่ซื้อชุดที่เค้าแนะนำมา" เขาหัวเราะกลบเกลื่อน
พ่อเงียบอยู่พักใหญ่ก่อนพูดเสียงเข้ม "ลาซี่ ขึ้นไปที่ห้องก่อน" ไม่มีน้ำเสียงโมโหในน้ำเสียงพ่อตอนพูดกับฉันอีกต่อไปแล้ว
ฉันรีบเดินขึ้นชั้นบน ไม่รู้ว่าพ่อกับลุงเดลพูดอะไรกัน แต่อาทิตย์ต่อมาฉันไม่ได้เจอลุงอีกเลย และพ่อดูจะเศร้าเอาการแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับฉันและฉันไม่เคยได้ถาม
ฉันเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คุณซาร่าฟัง มันกลายเป็นกิจวัตรของเราไปแล้ว ฉันจะพูดถึงอะไรก็ตามที่อยู่ในใจและคุณซาร่ารับฟัง บางครั้งเธอจะถามคำถามและฉันจะตอบ แต่เธอจะฟังเสียเป็นส่วนมาก ฉันรู้สึกว่าเธอไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับโลกปัจจุบัน เพราะคำถามของเธอส่วนมากจะเกี่ยวกับอะไรพวกนี้ อย่างถ้าฉันพูดถึงทีวี พัดลม หรือคอมพิวเตอร์ เธอจะถามว่าของพวกนั้นคืออะไร
ฉันเลิกถามเกี่ยวกับเธอแล้วตอนนี้ เธอไม่ได้ห้ามอะไร แต่ฉันรู้สึกได้ว่าเธอไม่ชอบพูดถึงเรื่องของตัวเองสักเท่าไหร่
พอเวลาผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ พ่อฉันก็ใจอ่อนและยอมให้ลุงเดลมาเยี่ยมที่บ้านอีกครั้ง "ฟังนะ พ่อรู้ว่าสิ่งที่ลุงเดลทำมันทำลูกไม่สบายใจ แต่พ่อว่ามันคงเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกัน ลุงเขาอธิบายทุกอย่างให้พ่อฟังแล้วและพ่อว่าเขาไม่ได้ตั้งใจทำร้ายลูกหรอก เขาแค่ไม่รู้ว่ามันจะทำให้ลูกอึดอัดเท่านั้นเอง ลุงเขาอยากจะขอโทษนะ เขาจะมาพรุ่งนี้"
ใจฉันตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม พยายามอธิบายให้พ่อฟัง แต่พ่อพูดขัด "ถ้าลูกไม่ชอบใจก็พยายามเลี่ยงๆ เอาแล้วกันนะ ยังไงเสียเขาก็เป็นญาติเรา"
และนั่นคือสิ่งที่ฉันทำ คือเลี่ยงลุงเดล วันต่อมาที่ลุงเดลมาหา ฉันหลบออกไปอยู่กับคุณซาร่าในป่า พอกลับบ้านมาก็เจอตุ๊กตาแมววางอยู่บนโต๊ะพร้อมการ์ดที่เขียนว่า "สำหรับสาวน้อยของลุง" ฉันโยนมันลงถังขยะ ลุงเดลมาที่บ้านบ่อยขึ้นหลังจากวันนั้นและฉันหลบไปอยู่กับคุณซาร่าทุกครั้ง
"คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?"
ฉันคิดว่าคุณซาร่าอาจจะโมโหหรือเย็นชาแต่ก็เปล่าเลย เธอเริ่มเล่าให้ฉันฟังเกี่ยวกับชีวิตของเธอ เธอเล่าให้ฟังว่าเธอเคยใช้ชีวิตอยู่ในไร่นาที่ปลายอีกด้านของหนองน้ำเมื่อนานมาแล้ว และเธอยอมรับว่าจำอะไรไม่ได้มากนัก จำได้เพียงว่ามันเป็นสถานที่ที่น่าสังเวช แต่เธอจำได้ว่าตายยังไง ลูกชายเจ้าของสวนลากเธอลงไปข่มขืนในหนองน้ำจากนั้นซ้อมเธอจนตายคามือ
"ฉันนอนตรงนั้นอยู่นานหลังจากนั้น" เธอพูดอย่างเลื่อนลอย "จนกระทั่งแมลงต่างๆ เริ่มพากันมากินศพและร่างฉันเริ่มจมลงดิน แต่จิตของฉันไม่ได้จากไปไหน แค่ผล็อยหลับไป ฉันนอนนิ่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งความเป็นฉันเริ่มหลอมรวมกันอีกครั้ง"
คุณซาร่าอธิบายว่าเธอเหมือนกับกระจกเงาที่แตกไปแล้วและมีคนเอาเศษกระจกมาติดกาวกลับคืนใหม่ เธอแทบจะเหมือนเดิม แต่ในขณะเดียวกันจะไม่มีวันเหมือนเดิมได้อีก ฉันฟังแล้วก็ไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ แต่ก็ยอมรับฟังอย่างไม่โต้แย้ง
เช้าวันต่อมา ฉันอยู่ในครัวกำลังทำอาหารเช้าพลางนึกถึงคุณซาร่า เธอทำให้ชีวิตของฉันน่าเบื่อน้อยลงมากในสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา และเรื่องราวชีวิตเธอทำให้ฉันเศร้าใจ ฉันคิดถึงความหมายของการเป็นครอบครัว เธอไม่ใช่ญาติ แต่เราจะกลายมาเป็นครอบครัวเดียวกันได้ไหมนะ?
ตอนนั้นเอง ฉันสะดุ้งโหยงเพราะมีคนเอานิ้วจิ้มเอวทั้งสองข้างจากด้านหลัง ฉันหันขวับไปมองและเห็นลุงเดลยืนยิ้มกว้างอยู่ข้างหลัง
"จั๊กจี๋!"
"ออกไปนะ!"
“ไม่เอาน่า”
ฉันโดดถอยหลังหนีจ้องเขาตาเขม็งใจเต้นแรงเร็ว
เขาขมวดคิ้ว "ลุงแค่อยากเล่นกับหนูเอง มามะ มาเล่นจั๊กจี๋กัน"
"อย่าเข้ามานะ!"
เขาไม่ฟังและเดินไปเข้ามาใกล้ ยื่นแขนมาข้างหน้าและหัวเราะเสียงเหมือนหนูร้อง ฉันร้องกรี๊ดเสียงดังและตะโกนใส่เขาให้หยุด เขาเริ่มวิ่งไล่ฉันไปรอบๆ ห้องนั่งเล่น ปากยังหัวเราะเยาะฉัน และยังคงถลาเข้ามาหาจนฉันตะโกน "หนูจะฟ้องพ่อ จะบอกพ่อว่าลุงทำอะไร!"
ลุงหยุดกึกสีหน้ารำคาญ "ฉันแค่ล้อเล้นน่า!" เขาเริ่มเดินเข้ามาใกล้
"หนูจะฟ้องพ่อ!"
"ให้ตายสิ เลิกเอาแต่ใจเสียทีน่ะ"
"ออกไป!"
"มานี่เลย!"
เขาโผมาคว้าข้อมือฉันไว้ "ปล่อยนะ!" ฉันตะโกนพลางดิ้นหนี เขามองฉันดิ้นรนอยู่สักพัก พอเห็นว่าฉันดิ้นไม่หลุด เขาแสยะยิ้มน่าขยะแขยง
ฉันกัดแขนลุงเต็มแรง เขาร้องลั่นแล้วสะบัดมือหนีทำเอาฉันล้มลงไปกองกับพื้น เลือดสดๆ ไหลโกรกจากบาดแผล หน้าลุงเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด
"อีร่าน! อีตัวเอ๊ย!"
ฉันวิ่งผ่านป่าน้ำตารื้นทำเอาตาเบลอไปหมด ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนและไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ใจอยากจะหนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันวิ่งและวิ่งจนได้เห็นคุณซาร่ายืนอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ฉันโผเข้าหาเธอแล้วร้องไห้โฮ ปากระล่ำระลักเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้เธอฟัง ซาร่ากอดฉัน นั่งลงข้างฉันแล้วลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยนขณะฉันร้องไห้อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
"หนูจะทำยังไงดี?! อีกไม่นานไอ้หัวงูนั่นต้องทำอะไรหนูแน่ หนูรู้ดี หนู-หนูไม่อยากกลับบ้านอีกแล้ว หนูกลัว! โฮ.."
คุณซาร่ากอบใบหน้าฉันในมือพลางโน้มเข้ามาใกล้ มองดูฉันอย่างเอ็นดู "ได้เวลาล่าเหยื่อแล้ว"
..
วันนั้นฉันรอจนดึกถึงกลับบ้านและลุงเดลกลับไปแล้ว วันต่อมา ฉันเดินลงบันได้มาเจอพ่อกับลุงกำลังนั่งดูทีวีกันอยู่ ลุงมองฉันตอนฉันเดินไปที่ครัวเพื่อทำซีเรียลให้ตัวเอง
"หวัดดี" ลุงพูด
"หวัดดีค่ะ" ฉันตอบ
พ่อไม่ได้ดุฉันแสดงว่าลุงเดลไม่ได้เล่าให้พ่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อวาน แถมเขายังใส่เสื้อแขนยาวเพื่อบังรอยกัดด้วย แสดงว่าเขาคงกลัวว่าครั้งนี้พ่อจะเชื่อฉันมากกว่าเขา
ฉันหยิบถ้วยซีเรียลแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ลุงมองฉันอย่างประหลาดใจเพราะปกติฉันจะกินมื้อเช้าในครัวแล้วรีบหนีออกไปข้างนอก แต่วันนี้ฉันนั่งตรงนี้ ทำเป็นไม่สนใจลุงและแสร้งทำเป็นดูทีวีไปพลางกินไปพลาง
พอกินเสร็จ ฉันเดินไปวางถ้วยในอ่างล้างจานแล้วเดินเลยออกไปข้างนอกสองสามก้าวแล้วยืนพิงผนังบ้านด้านนอก จุดนี้ดีแล้ว มันไกลพอที่ฉันจะคุยกับลุงเดลตามลำพังโดยที่พ่อไม่ได้ยิน แต่ก็ใกล้พอที่พ่อจะได้ยินถ้าฉันตะโกนขอความช่วยเหลือ
ไม่กี่นาทีต่อมา ฉันได้ยินลุงเดลพูดว่าจะออกไปฉี่ข้างนอก เขาเดินออกมาเห็นฉันพลางแสยะยิ้มน่ารังเกียจ ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน ใจเอาแต่ท่องว่า ถ้าฉันตะโกนพ่อจะได้ยินๆๆๆ
"สาวน้อย ออกมาทำอะไรคนเดียวตรงนี้น่ะ?"
ฉันกลืนน้ำลาย "หวัดดีค่ะลุง"
"ดีจังที่เธอมานั่งดูทีวีด้วยกันเช้านี้"
ฉันเหลือบไปมองมือลุงตรงที่ฉันกัดเมื่อวาน รอยกัดยังพอมองเห็นได้
ลุงเริ่มพูด "เรื่องเมื่อวาน ลุงรู้--"
"หนูขอโทษค่ะ" ฉันรีบพูดขัด
"ว่าไงนะ?" ลุงพูดงงๆ
"หนูขอโทษค่ะลุงเดล หนูรู้ว่าลุงแค่ล้อเล่น หนูไม่น่าทำกับลุงแบบนั้นเลย หนูผิดเอง"
เขามองอย่างแปลกใจ จากนั้นแสยะยิ้มกว้าง มันทำให้ฉันนึกถึงแมวเวลาตะครุบเหยื่อไว้ได้
"โอ้ที่รัก ไม่เป็นไร ลุงให้อภัยหนู"
"นะ..หนูรู้ว่าหนูทำผิด ลุงคงเจ็บน่าดูเลยใช่มั้ยคะ?"
"โอ้เจ็บสิ เจ็บมากด้วย เมื่อคืนลุงแทบนอนไม่ได้เลยล่ะ หนูเคยได้ยินมั้ยว่าถ้าจูบแผลแล้วจะ--"
"หนูอยากขอโทษลุง! หนูมีของขวัญจะให้ มันพิเศษมากเลย ลุงจะมาหาหนูคืนนี้หรือเปล่า?"
"แน่นอนอยู่แล้ว"
"ดีค่ะ งั้นหนูจะเอาของขวัญให้ลุงตอนนั้นนะ แต่ว่า.. ลุงห้ามบอกใครนะ เพราะมันพิเศษมาก แม้แต่พ่อ.. มันเป็นเซอร์ไพรส์น่ะค่ะ แค่ลุงคนเดียวเท่านั้น"
ฉันกลัวจับใจว่าลุงจะสังเกตเห็นว่าน้ำเสียงฉันสั่น แต่เขากลับพยักหน้ารับ ตาเบิกกว้างอย่างตื่นเต้น แสยะยิ้มพลางมองฉันหัวจรดเท้า ฉันอยากจะกรีดร้องแต่ห้ามตัวเองเอาไว้
"เยี่ยมไปเลย ลุงแทบรอไม่ไหวแล้วที่รัก"
..
พอฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นส้มและแดง พ่อลุกจากโซฟา บิดขี้เกียจแล้วเตรียมจะออกไปที่บาร์
"เดี๋ยวกลับมานะ" พ่อพึมพำแล้วเดินไปหยิบกุญแจ
"เที่ยวให้สนุกนะ เอ้านี่ เอาไปซื้อเหล้ากิน" ลุงเดลดึงเอาเงินสดออกมาจากประเป๋ากางเกงยีนส์สกปรกแล้วยื่นให้พ่อ
พ่อยิ้ม "ขอบคุณนะพี่"
ฉันรู้สึกขยะแขยงจนขนลุก พ่อคิดว่าลุงแค่เป็นพี่ชายที่ใจดี แต่ฉันรู้ธาตุแท้ของลุงดี
พอพ่อขับออกไปแล้ว ลุงแสยะยิ้มกว้างจากหูถึงหูราวกับว่าในที่สุดเขากำลังจะได้กินของหวานที่อดใจรอมานาน
"ที่รัก..." เขาพูดพลางขยับเข้ามาใกล้
ฉันลุกยืนจากโซฟา "ของขวัญ! หนูต้องให้ของขวัญลุง!" ฉันเกือบกรีดร้อง "มันอยู่ข้างนอก ในป่าข้างนอก"
เขาหยุด สีหน้าตื่นเต้น "ตกลงจ้ะ ถ้าหนูชอบแบบนั้น ลุงก็เอาด้วย" เขาคว้ามือฉันแล้วล็อกนิ้วเขากับฉันเข้าด้วยกัน ฉันหยุดตัวเองไม่ให้อ้วกออกมาด้วยความขยะแขยง
"นำทางไปเลย" ลุงตาเป็นประกาย
ฉันเดินนำเขาไปทางป่าหลังบ้าน แต่สวนหลังบ้านกว้างไกลและไอ้ลุงเดลหัวงูเริ่มรอไม่ไหว ขณะเดิน เขาเริ่มเอานิ้วโป้งลูบหลังมือฉัน
"ลุงขอของขวัญตอนนี้เลยได้ไหม?" เขาพูด
"ยัง! ยังค่ะ!" ฉันพูดพลางดึงมือลุงเดินต่อ "ใกล้ถึงแล้วค่ะลุง"
ฉันต้องเดินเข้าป่าตรงนั้นไป คุณซาร่าบอกว่าเขตของเธออยู่เลยแนวต้นไม้นั่นเข้าไป
"แต่ลุงอยากได้ของขวัญเดี๋ยวนี้เลยอ่ะ" เขาพูดพลางแตะต้องฉันไปทั่ว
"ลุงคะ!"
"อย่าเล่นตัวนักเลยน่า!" ลุงพูดเสียงเข้ม
ตอนนั้นเอง มีเสียงผู้หญิงร้องเพลงดังแว่วมาแต่ไกล.. เสียงแม่ของฉัน..
น้ำเสียงต่ำ แปลกประหลาดและสวยงาม เป็นเพลงกล่อมเด็กแบบเก่าที่แม่เคยร้องให้ฟัง ฉันเห็นคุณซาร่าในร่างของแม่ฉันสวมชุดเดรสลายดอกไม้ยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่ฟุต แสงของพระจันทร์ที่กำลังขึ้นในตอนนี้ทำให้ร่างของเธอขาวนวลสว่างเป็นประกาย
เดลจ้องเธอตาไม่กระพริบ มือละจากมือฉัน จากนั้นอยู่ๆ เขายิ้มแสยะอย่างน่าขยะแขยงที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา
"สาวน้อย! ว่าไงจ๊ะ มาทำอะไรแถวนี้มืดๆ ค่ำๆ?" เขาพูดกับคุณซาร่า คุณซาร่าไม่ตอบ ยังคงฮัมเพลงเบาๆ ต่อไป
"แม่ของหนูรู้หรือเปล่าว่าหนูอยู่ที่นี่น่ะ? แล้วเสื้อผ้าหนูหายไปไหน?" เขารีบถอดเสื้อที่ใส่อยู่ออก แล้วเดินไปทางเธอ "ใส่นี่ก่อนนะหนู อากาศมันหนาว นี่อายุเท่าไหร่เหรอ? ออกมาคนเดียวตอนกลางคืนมันอันตรายนะรู้มั้ย มาเถอะ ไม่ต้องกังวลไป เดี๋ยวลุงช่วยเอง"
ลุงโอบรอบเอวคุณซาร่า ส่วนคุณซาร่าก็คว้าจับแขนลุงเองไว้แล้วเริ่มเดินนำเขาเข้าไปในป่า เธอหันกลับมามองฉัน ดวงตาสีน้ำตาลของเธอเรืองแสงเกือบเป็นสีทองเรืองรองในแสงจันทร์ ดวงตาคู่นั้นดูเย็นชาราวกับดวงตาของสัตว์ป่าออกล่าเหยื่อ ใบหน้าของเธอดูไม่เหมือนมนุษย์อีกต่อไปและดุร้าย มันทำเอาฉันขนลุกซู่ ทั้งที่เราสนิทกัน แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกราวกับว่าเธออาจทำร้ายฉันได้ถ้าฉันเข้าใกล้เธอมากเกินไป
ฉันวิ่งกลับบ้านแล้วล็อคประตู จากนั้นเข้านอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มตัวสั่นเทา..
ลุงเดลไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกในวันรุ่งขึ้น หรือในวันถัดมา หรือในวันต่อๆ ไป พ่อเริ่มกังวลและในที่สุดโทรแจ้งตำรวจ ฉันโดนถามคำถามมากมายเพราะเป็นคนสุดท้ายที่เห็นลุงเดลคืนนั้น แต่ฉันยืนยันคำเดิมทุกครั้งว่าคืนนั้นฉันกับลุงเดลนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันจนกระทั่งฉันเข้านอน และฉันไม่ได้เห็นลุงอีกเลยหลังจากนั้น ฉันกลัวว่าตำรวจจะรู้ว่าฉันโกหก แต่พวกเขาไม่ได้บีบคั้นอะไรฉันมากนัก อย่างไรเสีย ฉันก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงอายุสิบขวบ
ฉันถามคุณซาร่าแค่ครั้งเดียวว่าเกิดอะไรขึ้นกับลุงคืนนั้น
คุณซาร่ายิ้ม "ฉันทำให้เขากลายเป็นชิ้นเนื้อก้อนเล็กๆ..."
หลายปีผ่านไปหลังจากวันนั้น ฉันเริ่มไปโรงเรียนตอนฤดูร้อนปีนั้นจบลง เรียนจบในที่สุดและตอนนี้แต่งงานมีลูกแล้ว ฉันยังคงติดต่อกับพ่อแต่ก็ไม่ได้สนิทกันมาก ตั้งแต่ลุงเดลตาย พ่อยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมแต่แย่ลงเรื่อยๆ เอาแต่นั่งอยู่ในบ้านคนเดียวทั้งวัน ดื่มเบียร์เงียบๆ หรือไม่ก็เดินไปที่บาร์ ไม่มีความสุข ไม่มีแผนชีวิตอะไรเลย ฉันสงสารพ่อ แต่นั่นก็ชีวิตเขา
สำหรับคุณซาร่า ฉันยังคงติดต่อกับเธอ...
ฉันกับครอบครัวอาศัยอยู่อีกฟากหนึ่งของหนองน้ำพวกเราเลยแวะไปเยี่ยมคุณซาร่าได้บ่อยๆ ฉันแนะนำสามีฉันให้เธอรู้จักตอนเราเพิ่งหมั้นกัน พวกเขายอมรับกันและกันได้ดี นั่นเป็นตอนที่ฉันมั่นใจว่าเลือกคนไม่ผิด ปกติแล้วฉันจะเตรียมตะกร้าปิกนิกมาที่หนองน้ำเพื่อให้ฉัน, คุณซาร่าและสามีฉันได้ทานมื้อกลางวันด้วยกันขณะลูกๆ ฉันวิ่งเล่นกัน ฉันยังคงเล่าเรื่องราวชีวิตตัวเองให้คุณซาร่าฟังและเธอรับฟังเงียบๆ อย่างมีความสุข
คุณซาร่าอาจจะไม่ใช่แม่ฉันก็จริง แต่เธอจะเป็นครอบครัวของฉันคนหนึ่งเสมอ
---จบบริบูรณ์----
หมายเหตุนักแปล: จากเนื้อเรื่อง ผู้แปลคิดว่าคุณซาร่าปรากฏกายเป็นคนที่เราอยากเห็นที่สุด สำหรับลาซี่ คุณซาร่าปรากฏกายเป็นแม่ของเธอ และดูเหมือนสำหรับลุงเดล คุณซาร่าปรากฏกายเป็นเด็กผู้หญิงเปลือย
##############
Credit: https://www.reddit.com/user/Silvester_Spooly
1 ความคิดเห็น
โหจบสวยมากก💖🥺
ตอบลบ