รอยสักมีชีวิต

 


ฟังพอตคาสต์


“แม่ฮะ ขอเหอะ ผมอยากเห็นรอยสักมีชีวิตอ้ะ” ผมโอดครวญ

“ไม่มีทาง จอห์นนี่ แม่ไม่ยอมให้ลูกแม่ต้องเห็นอะไรน่ารังเกียจแบบนั้นแน่”

“มันไม่น่ารังเกียจสักหน่อย เจ๋งดีออก” ผมเถียง

“ทำลายผิวตัวเองด้วยหมึกเหมือนผนังห้องน้ำสาธารณะ มันน่ารังเกียจจะตายไป” แม่ผมบ่นพลางทำหน้ายู่

“แม่ฮะ.. ผมขอล่ะ”

“ไม่ แล้วอย่าพูดเรื่องนี้อีกนะ” แม่ลากผมไปห่างจากเต็นท์โชว์ตัวประหลาด พวกเราไปเล่นเกมและเล่นของเล่นอย่างอื่นมากมายตลอดวัน กลิ่นยั่วน้ำลายของขนมสายไหมและพิซซ่าอบอวลในอากาศ เสียงระฆัง เสียงผิวปาก และเสียงร้องอย่างตื่นเต้นของเด็กๆ ที่กำลังเล่นสนุก ถ้าเป็นเด็กคนอื่นเล่นเครื่องเล่นมากอย่างวันนี้เหมือนผม พวกเขาคงมีความสุขกันน่าดู แต่ผมไม่มีความสุขเอาเลย ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือเล่นเครื่องเล่นอะไร ใจผมเอาแต่คิดถึงป้ายที่เขียนว่า “รอยสักมีชีวิต” มันเหมือนผมเป็นลาโง่ที่มีแครอทห้อยต่องแต่งล่อตาล่อใจอยู่ตรงหน้า

ผมทั้งขอร้องทั้งอ้อนวอนแม่ทั้งวันแต่แม่ไม่ยอมฟังเอาเลย ผมลากเท้าแล้วร้องโวยวายอย่างเอาแต่ใจทุกครั้งที่เราเดินผ่านเต็นท์โชว์ตัวประหลาด แม่ปิดปากเงียบแล้วลากผมออกห่างแสร้งทำเป็นไม่สนใจผู้คนที่เดินผ่านและจ้องมองพวกเรา แทนที่ผมจะจดจำวันเที่ยวสวนสนุกอย่างมีความสุข ทั้งผมและแม่กลับรู้สึกทั้งใจหนักอึ้งตอนแม่ขับรถพาพวกเรากลับบ้าน

“งานแฟร์จะหมดในอีกสองวัน” ผมยังงอแงไม่หยุดตอนแม่จอดรถหน้าบ้าน “ผมแค่อยากเห็นรอยสักมีชีวิตเท่านั้นเอง แม่เป็นแม่ที่แย่ที่สุดในโลกเลย!”

“พอกันที ฉันสุดทนแล้ว!” แม่พูดตอนเปิดประตูบ้าน “ไปที่ห้องแกเดี๋ยวนี้ และฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีกจนกว่าแกจะทำตัวดีกว่านี้!”

“แล้วถ้าทำตัวดีกว่านี้เราจะไปที่แฟร์กันพรุ่งนี้หรือเปล่าล่ะ?” ผมถาม

แม่คำรามในคออย่างเหลืออดก่อนหันเดินไปที่ห้องครัวแล้วกระแทกประตูปิด

“นั่นหมายความว่าตกลงหรือเปล่าฮะ?” ผมถาม แต่ไม่ได้ยินคำตอบกลับ

ผมเดินกระแทกส้นขึ้นข้างบนให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วเตะประตูห้องปิดเสียงดังสนั่น 

“อีแม่ชั่ว!” ผมโดดขึ้นเตียงแล้วนั่งกอดอก ‘แม่งกูไม่เคยได้อะไรอย่างใจสักอย่างเลย!’

ผมนอนอยู่ตรงนั้นไม่ยอมขยับ ไม่แม้แต่จะเปิดไฟในห้อง ตอนนี้ทีวี สเตอริโอ กองวิดิโอเกมเต็มห้องไม่ได้ทำให้ผมแฮปปี้เลยสักนิด ใจคิดอยู่อย่างเดียว คิดถึงสิ่งที่แม่ไม่ให้ ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าเริ่มจะมืดแล้วและแสงไฟจากงานแฟร์ส่องสว่างมองเห็นแต่ไกล

พรุ่งนี้เป็นวันงานแฟร์วันสุดท้ายแล้ว ถ้าพลาดคราวนี้จะต้องรอไปอีกปีเต็มๆ เลย

อยู่ๆ เสียงหนึ่งจากในหัวผมเองเริ่มพูด “นอกจากว่า…”

‘นอกจากว่าอะไร?’ ผมคุยกับเสียงนั้น

“นอกจากว่านายจะแอบไปที่งานเองไงล่ะ แม่บอกว่าไม่อยากเห็นนายอีกจนกว่านายจะทำตัวดีขึ้น ถ้านายไปงานแฟร์แล้วได้เห็นสิ่งที่อยากเห็น นายก็จะทำตัวดีขึ้นเองแหละ จริงมั้ยล่ะ เอาเลย ทำสิ่งที่แม่นายอยากให้ทำไง”

ผมยิ้มที่มุมปากขณะเลื่อนเปิดหน้าต่างห้องนอน
***

ผมลอดผ่านช่องเปิดในรั้วแล้วหันมาเจอชายแก่คนหนึ่ง

“กำลังทำอะไรอยู่น่ะเจ้าหนู?” เขาถามผ่านฟันหน้าหักๆ สามซี่

“เปล่า” ผมพูดแล้วเริ่มเดินออกห่าง

“เดี๋ยวก่อน ฉันรู้จักเธอนี่นา” ชายแก่พูดเสียงดัง เลือดในตัวผมเย็นเฉียบ “ใช่แล้ว! เธอมันไอ้เด็กเอาแต่ใจที่ร้องโวยวายที่งานแฟร์วันนี้นี่นา”

“ผมเปล่าเอาแต่ใจนะ” ผมพูดแล้วหันจะเดินจากไป

“ฉันพาเธอไปพบเขาได้นะ”เขาพูดและผมหยุดกึก

“ใครกัน?” ผมถาม

“ก็รอยสักมีชีวิตไง” เขาตอบ ผมยืนทื่ออยู่กับที่แล้วหันไปถาม 

“คุณทำแบบนั้นได้เหรอ?” ผมถามและเขาตอบ “ตามฉันมา”

เขาพาผมเดินไปตามทางด้านหลังเต๊นท์ ข้างหลังนี้คนละโลกกันกับในงานแฟร์เลย พื้นที่เก่ามอซอโกโรโกโส ผู้คนก็นอนกันระเกะระกะตามพื้นหญ้า มีกระป๋องที่อาหารข้างในเน่า, ถุงป็อบคอร์นเปล่า, และเศษขยะอื่นๆ อีกมากมาย มดเป็นฝูงไต่ตอมทุกอย่างและทุกคนแถวนี้

เขาพาผมเดินไปที่เต็นท์ดำทะมึน “ฉันต้องถามเธออย่างหนึ่งก่อน เธออยากเข้าไปข้างในมากแค่ไหน?”

“หมายความว่าไงฮะ?” ผมถามงงๆ

“เธออยากเห็นมากแค่ไหน? แล้วจะแลกกับอะไรเพื่อจะให้ได้เข้าไปในเต็นท์นี่?”

“ผมยอมแลกกับทุกอย่างเลย” ผมพูดตาวาว

เขายิ้มมองเห็นฟันเหลืองสามซี่ “นั่นคือคำตอบที่ถูกต้องแล้ว”

เขาถึงเปิดด้านหนึ่งของเต็นท์แล้วหายเข้าไปข้างใน ผมเดินตามและความมืดเข้าปกคลุมทันที กลิ่นสาปสางเหม็นอับลอยค้างในอากาศ ผมยื่นมือไปข้างหน้าพยายามหาทางเดินขณะเดินเข้าสู่ความมืดสนิทเบื้องหน้า ทันใดนั้นมีแสงสว่างปรากฎขึ้นกะทันหัน คบเพลิงหลายอันนำทางไปยังกลางห้อง ผมมองกวาดไปทั่วเต็นท์ เงาสัตว์ประหลาดแปลกๆ โฉบเฉี่ยวไปมาอยู่ตามขอบของแสง เปลวไฟเต้นรำอย่างหิวกระหายในดวงตาของพวกมัน ผมตื่นตระหนกและหันหลังจะเดินหลับ

“อะไรกัน? เธอจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าจะได้พบเขา” ชายแก่ท้วง

“ผมว่าแม่คงไม่อยากให้ผมมาที่นี่คนเดียว” ผมพูดหวาดๆ

“แน่ล่ะ แม่เธอไม่ชอบแน่ แต่นั่นมันคือเหตุผลที่เธอมาที่นี่ไม่ใช่หรือไงกัน? เพราะเธออยากแสดงให้แม่เธอรู้ว่าใครกันแน่ที่จะชนะ” เขาเอียงคอแล้วยิ้ม ที่ไรฟันมีอะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคืออะไร “มาเถอะน่ะ เร็วเข้า”

เขาผลักผมไปข้างหน้าเบาๆ ไปทางแท่นยกสูงกลางห้อง มีร่างขนาดใหญ่ของใครคนหนึ่งนั่งนิ่งอยู่ ใส่เสื้อคลุมสีดำสนิท ชายแก่พาผมไปที่ด้านหน้าเพื่อให้ผมมองดูเขาได้อย่างถนัดตา รอยสักละเอียดอ่อนที่ปกคลุมทุกตารางนิ้วบนใบหน้าของเขาทำเอาผมมองตาค้างเหมือนต้องมนต์สะกด โจรสลัดตาเดียวถูกแทงด้วยดาบ หญิงสาวนุ่งน้อยห่มน้อย และสัญลักษณ์แปลกๆ ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน ตอนนี้ผมอยู่ใกล้เขาแค่เอื้อม ดวงตาของเขาดำสนิทแต่ไม่สะท้อนแสงไฟของคบเพลิง

“เป็นไงล่ะ เธออยากเห็นตอนนี้ก็ได้เห็นเขาแล้ว” ชายแก่พูด

ผมสะดุ้งโหยงตอนเขากระพริบตาเป็นครั้งแรก ทำเอาผมผงะถอยหลัง แต่ชายแก่จับแขนผมไว้แน่น

“แน่นอนว่าเขาได้ยินเกี่ยวกับเธอทุกอย่าง ที่ทำตัวเอาแต่ใจกับแม่เธอวันนี้ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็อยากจะพบเธอมาตลอด” ชายแก่พูดพลางแสยะยิ้ม

“ทะ– ทำไมฮะ?” ผมติดอ่าง

“ก็เพราะเขาไม่เคยพบใครที่ทั้งเห็นแก่ตัวทั้งเอาแต่ได้อย่างเธอไง เขาอยากรู้ว่าเธอทำลงไปได้ยังไง”

“ทำอะไรฮะ?”

“ก็เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เธอต้องการ เธอเมินเฉยต่อทุกความรู้สึกผิดชอบชั่วดี เมินเฉยต่อผู้หญิงคนเดียวในโลกที่ให้ชีวิตกับเธอ คอมมอนเซนส์ที่พระเจ้าประทานให้แม้แต่กับสัตว์สกปรกอย่างหนูในท่อน้ำเสียเธอก็ไม่สนใจจะใช้มันให้เป็นประโยชน์” ชายแก่พูดด้วยน้ำเสียงชื่นชมปนเยาะหยัน

ผมหันไปมองหน้าชายแก่แบบจะหาเรื่อง พอหันกลับไปมองรอยสักอีกครั้ง โจรสลัดไม่ได้จ้องไปที่หญิงสาวอีกต่อไป ตอนนี้มันหันมาจ้องผมแทน

“พวกเขาอยากจะเจอเธอน่ะ” ชายแก่พูดซ้ำ

ชายร่างใหญ่แก้ปมที่คอและผ้าคลุมสีดำสนิทเลื่อนหลุดออกจากร่าง ไม่มีเสื้อผ้าปกคลุมร่างกายของเขานอกจากกางเกงในตัวจิ๋ว ทั้งร่างเขาปกคลุมไปด้วยรอยสักเล็กใหญ่ งานศิลปะชิ้นเอกเลื่อนไหวไปมาเป็นคลื่นจากที่หนึ่งไปอีกที่ รอยจารึกละเอียดอ่อนมากเสียจนดูเหมือนไม่มีศิลปินคนใดในโลกที่จะสามารถสรรสร้างขึ้นมาได้ และทุกรอยสักต่างจ้องมองมาที่ผม สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติทุกสิ่งอย่าง, มนุษย์, มนุษย์ต่างดาว, และแม้แต่สัญลักษณ์ต่างๆ ก็ดูเหมือนจะจ้องเขม็งมาที่ผมเป็นตาเดียว

ร่างผมเริ่มสั่นสะท้าน

เขาลุกยืน ก้าวมาข้างหน้า แล้วใช้ผ้าคลุมคลุมรอบตัวผม อยู่ๆ อาการสั่นสะท้านของผมหยุดลง ผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนเดิมอีกครั้งแถมยังรู้สึกมีพลัง เขายื่นมือมาทางผมแล้วจับมือผมเอาไว้ จากนั้นดึงผมเข้าใกล้ก่อนกระซิบด้วยเสียงที่ฟังดูเหมือนดังมาจากสิ่งมีชีวิตนับพันพร้อมๆ กัน “ปลดปล่อยข้า” 

ผมพยายามดึงมือกลับ แต่เขาดึงผมไว้แน่น ผมพยายามพูดแต่เปิดปากไม่ได้ ในใจเหมือนมีลมพายุหมุนพัดแรงเร็ว ขณะเราทั้งคู่ยืนเผชิญหน้ากันและมือประสานมือ รอยสักหนึ่งของเขาขยับ

ม้าและรถม้าตัวเล็กๆ ที่บรรทุกทหารโรมันควบลงไปถึงปลายนิ้วแล้วหายวับไป ผมอ้าปากค้างแต่ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา ใจผมสั่นเมื่อจู่ๆ ม้าและรถม้าปรากฏขึ้นมาบนมือผม ผมมองดูด้วยความตกใจขณะพวกมันไต่ขึ้นแขนผมและหายไปใต้แขนเสื้อ ตอนนี้ประตูนรกเปิดออกและรอยสักอื่นๆ ทั้งหมดพากันเฮโลตามกันมา รอยสักสีเขียวเป็นพันไหลมาตามแขนผมแล้วหายไปใต้เสื้อผ้าจนกระทั่งไม่มีที่ว่างหลงเหลือบนผิว จากนั้นพวกมันพากันขึ้นมาที่ใบหน้าผม

ขณะผมมองดูร่างตัวเองถูกสิ่งมีชีวิตรุกราน ผมแทบไม่ได้สังเกตว่าชายร่างใหญ่ยังคงจับมือผมอยู่ ตัวเขาหดเตี้ยลงหลายนิ้วขณะที่ผมตัวโตขึ้น ดวงตาของเขาไม่ใช่แอ่งน้ำสีดำสนิทที่ไร้จิตวิญญาณอีกต่อไปแต่กลายเป็นสีเขียวสดใสเหมือนกันกับตาผม ที่จริง หน้าของเขาก็กลายเป็นใบหน้าเดียวกันกับที่ผมเห็นในกระจกทุกเช้าด้วย ผิวเขาขาวราวกับน้ำนม เหมือนกันกับสีผิวของผมก่อนวันนี้ ตอนนี้เขาไม่เหลือร่องรอยหรือตำหนิใดๆ บนร่างกายเลย ชายแก่ถอดเสื้อผ้าผมออกแล้วเอาให้คู่แฝดจากนรกของผมใส่จากนั้นเอาผ้าคลุมมาพันรอบตัวผม มันช่างหนาหนักราวกับว่ามีน้ำหนักเป็นพันกิโล ผมถูกลากลงไปนั่งบนเก้าอี้ ขยับเขยื้อนไม่ได้

รอยสักบนตัวผมหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พวกมันเยาะเย้ยผมขณะชายแก่และชายในร่างของผมเดินออกจากเต็นท์ไป

คืนนั้นทั้งคืนผมนอนไม่หลับ รอยสักทุกตัวบนผิวผมขยับทั้งคืน มันเหมือนฝูงมดคลานไปทั่วร่างตลอดเวลา ผมพยายามเกาอยู่ครั้งหนึ่ง และโจรสลัดที่ผมเกาถูกเอาดาบทิ่มผม ความเจ็บปวดไม่น่าเชื่อพุ่งขึ้นใบหน้าผม ตลอดทั้งคืนที่เหลือ ผมพยายามไม่บ้าตายไปเสียก่อนเพราะความคันคะเยอ และผมไม่เการอยสักพวกนั้นอีกเลย 

วันต่อมายิ่งเหมือนตกนรก ผมไม่เคยได้นอนหลับอีกเลย รอยสักทุกตัวทำผมทุกข์ทรมานจนไม่อาจขยับเขยื้อนหรือพูดได้เลย ผมมองเห็นสีหน้าตกใจและชื่นชมของเด็กๆ ที่เดินผ่านมาดู และรู้สึกได้ถึงความรังเกียจของคนเป็นแม่ที่รีบเอามือปิดตาลูกๆ ของพวกเธอแล้วพากันเดินหนีไป

ในตอนที่ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรที่จะแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว ผมเห็นแม่ของผมเดินจูงมือจอห์นนี่ตัวปลอมเข้ามา เธอมองผมด้วยความรังเกียจเหมือนอย่างที่ผมเคยเห็นตอนแม่พูดถึงรอยสัก

“ให้ตายสิ แม่ไม่รู้ว่าทำไมลูกถึงอยากจะเห็นมันนักหนา ลูกจะฝันร้ายไปหลายอาทิตย์แน่ๆ” แม่ผมบ่นอุบ

“ไม่ต้องห่วงฮะแม่ ผมว่าผมจะหลับสบายกว่าที่เคยเยอะเลยล่ะ” เขาพูดกับแม่ผมด้วยเสียงของผม

แม่ค่อยๆ เดินกันเขาออกไป มีความขยะแขยงบนใบหน้าเมื่อมองมาที่ผม “แล้วอย่าได้คิดจะไปสักอะไรบนตัวเด็ดขาดเลยนะ” แม่พูด

เขาหันกลับมามองผม.. 

“ผมไม่มีวันทำแบบนั้นแน่ฮะ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มมุมปาก

ผมคอตกขณะเขาเดินจากไปพร้อมแม่ของผม ผมรู้ว่าพวกเขาจะไม่มีวันกลับมาที่นี่อีก น้ำตาคลอดวงตาดำสนิทของผมขณะผมสังเกตเห็นรอยสักใหม่บนแขน มันเป็นรอยสักรูปเด็กชายตัวน้อยที่มีดวงตาสีเขียวสดใส

จบบริบูรณ์
**********************
🌟🌟 Special thanks to the author of the original story. Please check out the links here: 👇🏻👇🏻👇🏻


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น